เรื่องราวความสำเร็จ
แม้ว่าคิมจะเกิดมาเป็นผู้หญิง แต่เธอก็ไม่เคยใช้ชีวิตในแบบหญิงสาวเลย หลังจากเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก คิมก็ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้น เป้าหมายเพียงอย่างเดียวในชีวิตของคิม ยอน ซุกคือการรับผิดชอบดูแลน้องๆ ทั้งสี่คน แม้ว่าเธอได้ลองพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะหลุดพ้นจากความยากจน แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักแม้กระทั่งหลังจากที่เธอแต่งงาน มีบางช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่าเธอจะไปได้ดี เพราะเธอเปิดโรงยิมและสอนศิลปะการต่อสู้ แต่เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชีย คิมและครอบครัวก็เหมือนถูกผลักให้ไปยืนอยู่ริมหน้าผา เพียงชั่วข้ามคืน เธอถูกบังคับให้ย้ายไปอยู่ในอพาร์ทเมนท์เก่าโทรม โดยเสียค่าเช่า 300,000 วอนต่อเดือน เธอรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังที่จะต้องหาเงินถึง 2 ล้านวอนเพื่อให้ครอบครัวของเธออยู่รอด แล้วก็เป็นช่วงเวลานั้นเองที่เธอได้พบกับอะโทมี่
ถ้อยคำที่มีอิทธิพลยังดังก้องอยู่ในหัวใจของเธอ
"ความหวังเพียงอย่างเดียวในยามที่สิ้นหวังก็คือ การมีความหวัง”
ผู้ที่เคยลิ้มรสความล้มเหลวมาแล้ว ย่อมต้องตัดสินใจอย่างระมัดระวัง พวกเขาต้องเลือกว่าจะลองเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ และยอมเสี่ยงที่จะล้มเหลวอีกครั้ง หรือยอมรับโชคชะตาเพราะกลัวว่าจะล้มเหลวอีกครั้ง คิมเลือกอย่างหลัง คิมเอาตัวรอดไปได้ในแต่ละวันในช่วงที่เธอได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของอะโทมี่ (เป็นผลิตภัณฑ์รุ่นแรกของสกินแคร์ ซิสเต็ม เดอะเฟม) เธอยังรู้สึกลังเลเพราะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้ยินคำพูดต่อไปนี้ในงานสัมมนา
"ความหวังเพียงอย่างเดียวในยามที่สิ้นหวังก็คือ การมีความหวัง" ผู้คนใช้เหตุผลในการครุ่นคิดพิจารณา แต่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ จากนั้นก็สร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองโดยการหาเหตุผลมารองรับการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์นั้น นั่นคือธรรมชาติของมนุษย์ และอิมพีเรียลมาสเตอร์คิม ยอน ซุกก็เป็นคนแบบนั้น ไม่มีข้อมูลที่เป็นรูปธรรมใดที่ทำให้เธอมั่นใจได้ว่าจะประสบความสำเร็จ แล้วเธอไม่กังวลหรอกหรือ "กังวลสิคะ แต่ฉันก็ยังคงตัดสินใจ ไม่นานหลังจากนั้นฉันก็หาความชอบธรรมให้กับการตัดสินใจของตัวเองได้ นั่นก็คือตัวผลิตภัณฑ์"
"คุณจะขายเครื่องสำอางด้วยใบหน้าแบบนี้หรือ"
อิมพิเรียล มาสเตอร์คิม ยอน ซุกสารภาพว่าแม้ว่าเธอจะมีสินค้าที่ดีอยู่ในมือ แต่ธุรกิจของอะโทมี่ก็ยังเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับเธอ เธอเคยคิดว่าสิ่งที่เธอต้องการก็คือ ฉลากที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์นั้นผลิตโดยสถาบันวิจัยด้านพลังงานปรมาณูแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korea Atomic Energy Research Institute) และรายงานข่าวที่ว่าเครื่องสำอางของอะโทมี่ ดีกว่ายี่ห้ออื่นนับร้อยเท่า เธอคิดถูกที่สุด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คิมก็มีชีวิตที่ประสบความสำเร็จแล้วในตอนนี้ เมื่อถามว่าจุดเปลี่ยนทางธุรกิจเกิดขึ้นเมื่อใด เธอตอบว่า "คุณไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าในตำนานหรอกหรือ" คิมเล่าว่าเธอไปเยี่ยมศูนย์ในเมืองอึยจองบู เมื่อตอนที่เธอยังเป็นไดมอนด์มาสเตอร์ ที่ศูนย์แห่งนั้น เธอได้ยินใครบางคนพูดกับเธอว่า "คุณจะขายเครื่องสำอางด้วยใบหน้าแบบนี้หรือ"
คิมบอกว่า เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนนั้นเธองานยุ่งมาก แล้วก็ไม่ถนัดเรื่องการดูแลรูปร่างหน้าตาตัวเอง เธอเล่าว่า เธอขายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง แต่ตัวเธอเองกลับไม่ใช้เครื่องสำอาง แต่หลังจากเริ่มใช้เครื่องสำอางของอะโทมี่อย่างสม่ำเสมอ เธอก็พบว่าผิวของเธอดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากนั้น เธอจึงตกหลุมรักสินค้าของอะโทมี่ หลังจากนั้น เธอกลายมาเป็นคนที่มีความมั่นใจมากขึ้นในการอธิบายผลิตภัณฑ์ของอะโทมี่ให้คนอื่นฟัง แล้วธุรกิจของเธอก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว "สิ่งสำคัญคือคุณต้องลองใช้ผลิตภัณฑ์จริง ฉันเห็นคุณค่าของผลิตภัณฑ์มากขึ้นหลังจากที่ได้มาเป็นผู้ใช้ตัวจริง หลังจากนั้น ตัวผลิตภัณฑ์จะทำหน้าที่พูดด้วยตัวของมันเอง และเมื่อผู้บริโภคได้รับรู้ถึงวิสัยทัศน์ทางธุรกิจของอะโทมี่แล้ว พวกเขาจะกลายมาเป็นคู่สัญญา"
ปี 2016 เป็นปีที่ทำให้ฉันได้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความคุ้มค่าของอะโทมี่
คิมรู้จักกับอะโทมี่เมื่อเธอกำลังลุยใช้ชีวิตแบบไม่กลัวตาย เธอวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ได้เหลียวซ้ายแลขวาเลย บางคนบอกว่าความเอาจริงเอาจังคือตัวกำหนดความเร็วของธุรกิจ เมื่ออยู่ในจุดที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด คิมไม่ลังเลที่จะสปอนเซอร์พาร์ทเนอร์ของเธอในเกาหลีและในต่างประเทศ และเมื่ออะโทมี่ไต้หวันเปิดตัว ธุรกิจของเธอก็เติบโตอย่างรวดเร็ว และเหมือนกับว่าชีวิตในอดีตของเธอได้รับการชดเชย ภายในชั่วพริบตา คิมและครอบครัวมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
แต่แล้ววันหนึ่ง ชีวิตของคิมก็ต้องพบกับความโศกเศร้า แม้ว่าเธอจะมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ แต่สุขภาพของเธอไม่ได้ดีตามไปด้วย เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกพังทลายเนื่องจากโศกนาฏกรรมที่ไม่คาดคิด ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอจะจบสิ้นแล้ว เพราะคิมเก็บตัวจากทุกอย่างเป็นเวลาหนึ่งปี เธอคิดว่าทุกอย่างคงหยุดชะงัก แต่ในความเป็นจริง ธุรกิจของเธอเติบโตมากกว่าที่เคยเป็นมาเสียอีก ครอบครัวของคิมและพาร์ทเนอร์ไม่ได้ทิ้งเธอไปในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ "นี่คือช่วงเวลาที่ฉันมองเห็นถึงวิสัยทัศน์และความรักของอะโทมี่ ฉันตระหนักได้ว่าฉันต้องรับผิดชอบไม่ใช่เพียงแค่ครอบครัวของฉัน แต่ต้องรับผิดชอบต่อความสำเร็จของพาร์ทเนอร์ของฉันด้วย"
เกิดใหม่เป็นไอคอนแห่งความหวัง
เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วคิม ยอน ซุก ก้าวขึ้นมายืนบนเวทีในงานซัคเซส อะคาเดมี่ ในศูนย์นิทรรศการ Kintex อิลซาน เพื่อมารับตำแหน่งอิมพีเรียลมาสเตอร์ ตำแหน่งที่สูงที่สุดในอะโทมี่ เธอสวมชุดสีขาว ราวกับเป็นหงส์ พร้อมด้วยรอยยิ้มที่สว่างสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน "ฉันรู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าวันแต่งงานเสียอีก ฉันรู้สึกว่าฉันได้รับของขวัญและการแสดงความยินดีที่มีค่าที่สุดในชีวิต"
จากนั้น คิมก็กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสการเลื่อนตำแหน่งต่อไปว่า "พวกเราทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นหงส์ แต่เรากลับใช้ชีวิตราวกับตัวเองเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ นั่นก็เพราะสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา แม้ฉันจะบินไม่ได้ เพราะไม่มีปีก แต่ตอนนี้ฉันบินได้อย่างหงส์เพราะอะโทมี่" นั่นคือชั่วขณะที่คิมได้กลายมาเป็นไอคอนแห่งความหวังสำหรับสมาชิกที่มีพื้นเพเป็นคนธรรมดา แต่มีความฝันที่อยากจะเป็นหงส์ อิมพีเรียลมาสเตอร์คิม ยอน ซุก กล่าวว่าความสำเร็จของเธอเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นความสำเร็จที่สร้างขึ้นร่วมกันกับสมาชิกคนอื่นๆ นั่นคือเหตุผลที่เธอกล่าวว่าความสำเร็จในครั้งนี้มีคุณค่ามากยิ่งกว่าเดิม เธอกล่าวว่าเธอเตรียมพร้อมอยู่เสมอ "ฉันพร้อมที่จะไปยังที่ที่มีคนต้องการฉัน ฉันอยากช่วยให้คนอื่นประสบความสำเร็จเหมือนกัน"
ข้อความสั้นๆ ที่อธิบายถึงอะโทมี่
'ห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ'
คีย์เวิร์ดของ ความสำเร็จของอะโทมี่
01 ความไม่เกรงกลัว
02 ความเด็ดเดี่ยวไม่ย่อท้อ
03 ความเพียร
ถ้าฉันไม่ได้ทำงานที่อะโทมี่ ฉันก็คงเป็นคนธรรมดา
ที่ฝันอยากจะร่ำรวย
สิ่งที่ยังไม่เคยทำและอยากทำในชีวิต
ไม่มีค่ะ
ฉันใช้ชีวิตแบบที่ ไม่ต้องมานั่งเสียดายภายหลัง
ฉันรู้ว่าฉันประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เพราะความพยายามของตัวเองล้วนๆ แต่เพราะความพยายามของคนอื่นๆ ด้วย ฉันจะยังคงทำในส่วนของฉันเพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน
ประเด็นสำคัญของอิมพีเรียลมาสเตอร์คิม ยอน ซุก
ข้อ 1 การใช้ชีวิต
การเดินทางไปยุโรปกับครอบครัวที่เป็นที่รักของฉัน
"ฉันยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่เดินทางไปเที่ยวยุโรปกับลูกชาย ลูกสาว ลูกสะใภ้ ลูกเขย และหลานชาย เราเดินทางไปด้วยกันเมื่อตอนที่ฉันได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรอยัลมาสเตอร์และคราวน์มาสเตอร์ด้วย เราจะอาจจะไปที่นั่นอีกครั้งตั้งแต่ที่ฉันได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอิมพีเรียลมาสเตอร์ ฉันเลือกอะโทมี่เพื่อให้อยู่รอด แต่อะโทมี่ช่วยให้ฉันมีชีวิตที่ดี”
ข้อ 2 ความรัก
อิมพีเรียลมาสเตอร์คิม ยอน ซุกเปิดบ้านพักช่วงฤดูร้อน
"ตอนนั้นฉันเป็นชารอนโรสมาสเตอร์ รายได้ของฉันก็เริ่มจะมากพอควร และฉันวาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จ แต่แล้ววันหนึ่ง ฉันคิดถึงบรรดาหุ้นส่วน และคิดว่าคงจะเป็นการดีถ้าจะมีที่สักที่ไว้ให้หุ้นส่วนของฉันได้มาพักผ่อน ฉันคิดเรื่องนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว พอฉันได้เป็นอิมพีเรียลมาสเตอร์ ก็มีที่แห่งหนึ่งที่ฉันต้องการจะใช้เป็นบ้านพักช่วงฤดูร้อน และเปิดรับสมาชิกของอะโทมี่ทุกคน คุณสามารถแวะมาพักเพื่อชาร์จแบต หรือจะมาพักผ่อนกับครอบครัวของคุณก็ได้ จะแวะมาเมื่อไหร่ก็ได้”
ข้อ 3 การเรียนรู้
จงอ่อนน้อมถ่อมตนและพร้อมที่จะเรียนรู้เสมอ
"ฉันไปบรรยายให้ผู้คนฟังหลายครั้งแล้ว และฉันได้ก้าวขึ้นถึงจุดสูงสุดในธุรกิจนี้ แต่ฉันยังมองธุรกิจอะโทมี่ว่าเป็นสิ่งที่มีอะไรให้เรียนรู้ได้ตลอดเวลา และฉันวางแผนที่จะทำอย่างนั้นในอนาคตด้วยเช่นกัน อะโทมี่ช่วยให้ฉันมีวุฒิภาวะมากขึ้นและเป็นคนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ผู้คนที่ฉันพบในการทำธุรกิจนี้ได้ช่วยกระตุ้นฉันในทางที่ดี ฉันจะพยายามอ่อนน้อมถ่อมตนและยังคงหมั่นเรียนรู้อยู่เสมอ”
ข้อ 4 ชีวิตการทำประโยชน์
ชีวิตที่รู้จักแบ่งปันคนอื่น
"ฉันคอยช่วยเหลือเด็กๆ ที่ไปเรียนเมืองนอกและพาร์ทเนอร์ของฉันที่กำลังประสบปัญหา ฉันอยากจะขยายขอบเขตความช่วยเหลือออกไป และอยากจะช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้ได้มากขึ้น”