เรื่องราวความสำเร็จ
Honor Society คือกลุ่มผู้บริจาคที่ได้บริจาคเงินมากกว่า 100 ล้านวอนหรือสัญญาว่าจะบริจาคเงินจำนวน 100 ล้านวอนภายในอีก 5 ปีข้างหน้าให้แก่องค์กรการกุศล Community Chest of Korea มีคราวน์มาสเตอร์คนหนึ่งได้บริจาคเงินจำนวน 100 ล้านวอนหลังจากที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นคราวน์มาสเตอร์ในเดือนกรกฎาคม 2017 เธอจึงได้รับการบันทึกชื่อไว้ใน Honor Society และเธอก็คือคราวน์มาสเตอร์ ลี แฮ จอง
การแบ่งปันคือนิสัยที่ต้องสร้างขึ้น
คราวน์มาสเตอร์ ลี แฮ จอง ไม่ลังเลใจที่จะตำหนิผู้อื่นหากเธอพบว่าคนคนนั้นทำในสิ่งที่ขัดต่อหลักการของบริษัท ลีเป็นผู้นำที่ใครๆ ก็ทราบกันดีว่าให้ความสำคัญกับหลักการของบริษัทเป็นอย่างมาก และเธอยังเป็นคนที่ประพฤติปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ลีเป็นคนมัธยัสถ์อดออมและอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก แม้ว่าเธอจะได้ทำความดีต่างๆ มามากมาย “แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่ของฉันไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่ท่านก็มักจะแบ่งปันให้คนอื่นๆ เสมอ ท่านมักจะช่วยเหลือเพื่อนๆ ของน้องชายฉันที่มีฐานะยากจน โดยการให้ข้าวสารดีๆ แก่พวกเขาแม้ว่าพวกเราจะต้องกินข้าวบาร์เลย์ก็ตาม แม่มักสอนให้ฉันช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเรา และฉันก็คิดเสมอว่านั่นคือการกระทำที่ถูกต้อง”
คราวน์มาสเตอร์ ลี แฮ จอง ได้เรียนรู้เรื่องการแบ่งปันผู้อื่นมาจากคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่ยังเล็ก พอช่วงต้นทศวรรษ 1990 เธอได้ออกเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและเข้าเรียนโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่นั่น เธอได้รับเลือกเป็นนักเรียนดีเด่นและได้รับรางวัลเป็นเงินจำนวน 50 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้น ลีเดินทางไปห้องสมุดมิชิแกนและบริจาคเงินให้ห้องสมุดเพื่อซื้อตำราทำอาหารของเกาหลี แม้ว่าจะเป็นเงินจำนวนไม่มากนัก แต่เธอก็เป็นนักเรียนต่างชาติคนแรกที่บริจาคเงินให้ห้องสมุดนั้น ที่โรงเรียนสอนภาษา ลีได้รับรางวัลจากนายกเทศมนตรีและเธอยังได้รับรางวัลเป็น ‘ที่จอดรถลี แฮ จอง’ ซึ่งอนุญาตให้เธอจอดรถในที่จอดรถที่จัดสรรไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะเป็นเวลาหนึ่งเดือน ช่วงระยะเวลาห้าปีที่เธอเรียนอยู่ที่อเมริกา ลีได้มีโอกาสคิดทบทวนเกี่ยวกับวัฒนธรรมการแบ่งปันและการบริจาค หลังจากนั้น ลีมักชอบบริจาคทุกครั้งที่เธอทำได้
ตั้งแต่มาร่วมงานกับอะโทมี่ ลีได้รับอิทธิพลจากกิจกรรมการแบ่งปันของท่านประธานปาร์ค แม้แต่ในช่วงที่กำลังเผชิญความยากลำบาก ซึ่งทำให้เธอยิ่งกระตือรือร้นในการแบ่งปันมากยิ่งขึ้น
การแบ่งปันข้ามพรมแดน
เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว คราวน์มาสเตอร์ ลี แฮ จอง ได้บริจาคเงินจำนวน 100 ล้านวอน ให้แก่กองทุนสำหรับเด็กของเกาหลี เธอยังได้บริจาคเงินให้มูลนิธิเพื่อการกุศลและองค์กรต่างๆ ด้วย กัมพูชา หนึ่งในสำนักงานสาขาในต่างประเทศที่อะโทมี่ได้เปิดตัวธุรกิจ เป็นประเทศที่ยังต้องทุกข์ทนกับบาดแผลของสงคราม
มีโรงพยาบาลขององค์กรพัฒนาเอกชนตั้งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญราว 5 ชั่วโมงโดยการเดินทางทางรถยนต์ ซึ่งให้การดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากทุ่นระเบิดสังหาร อย่างไรก็ตาม ที่นี่มีแพทย์ไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เมื่อลีได้ทราบเรื่องนี้ เธอตัดสินใจบริจาคเงินจำนวน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐให้แก่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นประจำทุกเดือนเพื่อให้ทางโรงพยาบาลสามารถสรรหาแพทย์มาประจำได้มากขึ้น เธอได้ช่วยโรงพยาบาลนี้มาเป็นปีที่สามแล้ว โรงพยาบาลแห่งนี้แสดงความขอบคุณด้วยการเขียนชื่อ ‘Atomy’ ไว้ที่ผนังของโรงพยาบาล นอกจากนี้ ลียังได้ช่วยสนับสนุนนักเรียนดนตรีที่มีพรสวรรค์แต่ติดปัญหาเรื่องเงินจึงไม่สามารถเรียนดนตรีต่อไป ลีสนับสนุนค่าครองชีพของเด็กในระหว่างที่เขาไปศึกษาต่อที่เยอรมนี เมื่อเร็วๆ นี้เด็กคนนี้ได้เข้าร่วมในวงซิมโฟนีออเคสตร้าของเยอรมนี ลียังสมัครสมาชิกเพื่อสนับสนุนการจัดงานคอนเสิร์ตของสถานดูแลผู้ป่วย Saem-mul Hospice ที่ให้การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เธอยังมีส่วนช่วยเหลือพาร์ทเนอร์อะโทมี่อีกหลายคนด้วย
การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เช่นเดียวกับที่คุณได้รับจากผู้ที่ไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งรวมถึงอะโทมี่
คงจะไม่มีใครที่ไม่เห็นคุณค่าของการแบ่งปันและการมีส่วนช่วยเหลือด้วยการตอบแทนคืนสู่สังคม แต่ก็เป็นเรื่องยากที่คนส่วนใหญ่จะทำเช่นนั้น เมื่อถูกถามว่าเพราะอะไรเธอจึงรักที่จะแบ่งปันให้แก่คนอื่นๆ คราวน์มาสเตอร์ ลี แฮ จอง ตอบว่า
“มีอยู่วันหนึ่งฉันเดินผ่านโบสถ์และมองเห็นป้ายที่เขียนว่า ‘จงให้โดยไม่หวังผลตอบแทนเมื่อคุณได้รับมาโดยที่ผู้ให้นั้นก็ไม่ได้หวังผลตอบแทน’ ฉันคิดว่าฉันได้รับสิ่งดีๆ จากอะโทมี่โดยไม่ต้องจ่ายตอบแทนเช่นกัน เพราะอย่างนั้นฉันจึงควรให้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน และฉันมั่นใจว่าฉันทำในสิ่งที่ถูกต้อง ฉันเชื่อมั่นในการช่วยเหลือพาร์ทเนอร์พื่อให้พวกเขาเป็นอิสระทางการเงิน นี่คือการบริจาคและเป็นการแบ่งปันด้วยเช่นกัน การบริจาคคือการประกันให้แก่สังคมในลักษณะหนึ่ง แต่อะโทมี่ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนทั่วไปสามารถพึ่งตนเองทางการเงินได้เท่านั้น แต่ยังมอบตาข่ายเซฟตี้กันตกให้ด้วย นี่คือเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่คิดจะเลิกทำอะโทมี่ ฉันจะยังคงทำงานที่นี่เพื่อที่จะได้มีโอกาสแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ ต่อไป"
ลีคิดว่าวิธีหนึ่งในการแบ่งปันที่สามารถทำได้ที่อะโทมี่ก็คือ การช่วยเหลือพาร์ทเนอร์ให้พวกเขาสามารถขึ้นไปยืนในจุดสูงสุด เธอยังวางแผนที่จะบริจาคเงินให้แก่ SOS (Atomy Contractors' Sharing Foundation) ต่อไป
ลียังบอกว่าเธอมีความฝันใหม่ นั่นคือเธอต้องการจะก่อตั้งองค์กรพัฒนาเอกชนขึ้น “แม้ว่าตอนนี้จะยังเป็นแค่ความฝัน แต่วันหนึ่งฉันอยากจะตั้งกลุ่มที่สามารถแบ่งปันให้กับองค์กรอื่นๆ และเพื่อวางรากฐานให้แก่โครงการนี้ มีบางสิ่งที่ฉันต้องเล่าให้หุ้นส่วนที่ฉันให้การสนับสนุนอยู่ได้ทราบ ฉันบอกให้พวกเขาบริจาคเงิน 10,000 วอนต่อเดือนให้แก่องค์กรนี้ในอนาคต ถ้าพวกเขารู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่ได้รับ เชื่อสิว่าพวกเขาจะมอบให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เพราะพวกเขาก็ได้รับสิ่งดีๆ มาโดยที่ผู้ให้ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนเช่นกัน"
เนื้อหาในนิตยสาร เช่น ตำแหน่งนั้นเป็นข้อมูลของ THE ATOMIANS 2019 (ตีพิมพ์เดือนพฤษภาคม 2019)