สตาร์มาสเตอร์ คิม มี ซุก ชอบให้ของขวัญเพื่อสร้างความประหลาดใจให้ผู้อื่น แม้แต่ในระหว่างการสัมภาษณ์ เธอก็ยังให้กล่องเล็กๆ สีม่วงเป็นของขวัญแก่ผู้สัมภาษณ์ ก่อนที่จะกล่าวทักทาย “สวัสดี” เสียอีก ข้างในกล่องเป็นผ้าพันคอสีเข้ม “ฉันตั้งใจเตรียมของขวัญนี้มาให้ เอาไว้ใช้พันคอ เพราะในฤดูนี้อากาศมักจะเย็น” หลังจากได้รับของขวัญแล้ว การสัมภาษณ์จึงได้เริ่มต้นขึ้น

สตาร์มาสเตอร์ คิม เพราะพวกเขาเป็นญาติกัน เธอเล่าว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอมักจะให้ของขวัญกับแขกเสมอๆ และมักจะขอให้คิมถือของขวัญติดมือไปด้วยเวลาจะไปเยี่ยมใครที่บ้าน คิมรักการให้ และภูมิใจที่คุณพ่อคุณแม่ของเธอสอนเธอมาอย่างนั้น เมื่อ 20 ปีก่อน คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยบริจาคกันเท่าไหร่ แต่ทว่าแม้แต่ตอนนั้น คนรอบๆ ตัวคิมก็มักจะให้ของเล็กๆ น้อยๆ แก่ผู้อื่นเสมอ ตัวอย่างเช่น เพื่อนร่วมงานในบริษัทสามีและคนรู้จักในโบสถ์ คิมกับสามีถึงขั้นตัดสินใจบริจาคร่างกายให้โรงพยาบาลเมื่อมีอันต้องเสียชีวิตลง และในที่สุด สตาร์มาสเตอร์ คิม มี ซุก ที่รักการให้ ก็ได้มาพบกับอะโทมี่

และสำหรับสตาร์มาสเตอร์ คิม ที่รักงานอีเวนต์และการแบ่งปันให้แก่คนอื่นๆ อะโทมี่ไม่ได้เป็นแค่ธุรกิจเท่านั้น

เธอได้เข้าร่วมในงานอาสาสมัครแบ่งปันถ่านอัดแท่งเป็นครั้งที่ 4 แล้วหลังจากที่ได้เริ่มเข้าร่วมกิจกรรมนี้ในปี 2015 งานกิจกรรมนี้จัดขึ้นร่วมกับอีกหลายองค์กร โดยในช่วงเริ่มต้นมีถ่านอัดแท่งเพียงแค่ 5,000 ก้อน แต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 10,000 ก้อน “พาร์ทเนอร์ของฉันยังบอกฉันว่า พวกเขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานอาสาสมัคร ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฉันรู้สึกตื้นตันไปกับวัฒนธรรมการแบ่งปันของอะโทมี่และการมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”

เมื่อสตาร์มาสเตอร์ คิม ไปบรรยายให้แก่ศูนย์อื่นๆ หรือไปบรรยายในต่างประเทศ เธอไม่เคยลืมที่จะนำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ติดมือไปด้วย ของขวัญนั้นอาจจะเป็นกระจกส่องหน้าบานเล็กๆ หนังสือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ หรือแม้แต่กระเป๋าใบจิ๋ว และเธอมักสร้างความประหลาดใจด้วยการมอบของขวัญให้กับอีกฝ่ายหนึ่งพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง เพราะเข้าใจดีถึงความสุขจากการแบ่งปัน คิมจึงมักจะกล่าวปิดการบรรยายของเธอด้วยการกล่าวถึงวัฒนธรรมการแบ่งปันของอะโทมี่ “ฉันอยากเป็นซานตาคลอสทุกเดือนตลอดปี และฉันสามารถทำได้ที่อะโทมี่เพราะฉันต้องพบปะและสื่อสารกับผู้คนตลอดเวลา"

ปัจจุบัน คิม มี ซุก มักบริจาคเงินให้องค์กรการกุศลและหน่วยงานหลายแห่ง เช่น Good Neighbors, World Vision, Plan Korea, Community Chest of Korea และเมืองแทจอน คิมบอกว่าเธอตัดสินใจบริจาคเงินให้เมืองแทจอนตามคำแนะนำของท่านประธานปาร์ค ที่บอกว่าควรเริ่มบริจาคให้กับองค์กรในละแวกบ้าน เงินบริจาคทั้งหมดของคิมจะถูกนำไปใช้สำหรับองค์กรเด็ก และเธอเล่าว่าเธออยากให้หลานๆ ของเธอเป็นเพื่อนกับเด็กๆ เหล่านั้น หลานของคิมที่มีอายุ 7 ปีและ 10 ปีได้มีส่วนร่วมในงานกิจกรรมแบ่งปันถ่านอัดแท่งเป็นประจำทุกปี คิมบอกว่าเธอหวังว่าหลานๆ จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมการแบ่งปัน เหมือนอย่างที่เธอได้เรียนรู้จากคุณพ่อคุณแม่ของเธอ

 

"ไม่ต้องมีโอกาสพิเศษ ฉันถึงค่อยแบ่งปันให้คนอื่น เพราะความจริงนี่ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไรเลย แต่เป็นสิ่งที่คุณควรทำให้เป็นเรื่องปกติ ฉันมีความสุขที่สามารถแบ่งปันกับผู้อื่น ความปรารถนาของฉันก็คือสามารถแบ่งปันกับคนอื่นๆ ให้มากขึ้น"

คิมบอกว่าถ้าเธอไม่รู้จักกับอะโทมี่ เธอคงไม่สามารถแบ่งปันได้มากเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ เธอยังเสริมว่าถ้าเธอก้าวขึ้นเป็นอิมพีเรียลมาสเตอร์ เธอจะบริจาคเงิน 10% ของเงินที่ได้ “เงิน 10,000 วอนที่ฉันได้รับ เมื่อเทียบกับการที่คนที่ด้อยโอกาสกว่าฉันได้รับ ย่อมแตกต่างกัน เงินจำนวนนี้อาจหมายถึงกาแฟสองสามแก้วสำหรับฉัน แต่สำหรับคนอื่นๆ ในอีกซีกโลกหนึ่ง นี่อาจหมายถึงอาหารสำหรับทั้งเดือน ฉันหวังว่าจะมีคนตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากขึ้น การแบ่งปันและการบริจาคไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย