เรื่องราวความสำเร็จ
"เคล็ดลับน่ะหรือ สิ่งเดียวที่คุณต้องทำก็คือ อย่ายอมแพ้”นั่นคือ คำพูดที่อิมพีเรียล มาสเตอร์ ลี แฮจอง เปิดเผยถึงวิธีการที่นำมาสู่ความสําเร็จ"ถ้าคุณสามารถหามิตรร่วมทางกับคุณจนถึงเส้นชัย ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น" เธอเสริม ในแง่หนึ่ง คำพูดนี้ไม่ใช่แค่คำคม เมื่อพูดถึง "เทคนิควิธีที่นำไปสู่ความสำเร็จ” หลายคนอาจนึกถึงความขยันขันแข็ง เช่น การมีส่วนร่วมในระบบสู่ความสําเร็จของอะโทมี่ หรือความอดทนเมื่อถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า คําพูดเหล่านี้อาจฟังดูเกร่อ แต่อิมพีเรียลมาสเตอร์ ลี แฮจอง กล่าวอย่างจริงใจเพียงสั้น ๆ ว่า “อย่ายอมแพ้”
ใครก็ตามที่ทําธุรกิจกับอะโทมี่ย่อมจะรู้จักอิมพีเรียลมาสเตอร์ ลี แฮจอง อย่างแน่นอน ห้องเล็ก ๆ ชั้นใต้ดิน คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ประวัติหนี้เสีย ใบแจ้งหนี้ค่าน้ำ/ไฟ และอิมพีเรียลมาสเตอร์ ลี ด็อกอู คำสำคัญเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรานึกถึงเมื่อพูดถึงเธอ เหตุการณ์เมื่อครั้งที่เธอพยายามรับปากกับ ลี ด็อกอู ผู้เป็นพี่ชาย ที่โรงพยาบาลจิตเวชเพื่อเริ่มต้นธุรกิจกับอะโทมี่ นับเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมาก
เนื่องจากงานที่เธอทําล้มเหลว เธอจึงลงเอยด้วยการเริ่มต้นธุรกิจอะโทมี่ แม้ว่าในตอนแรกเธอรู้สึกไม่ชอบเพราะมองว่าเป็นธุรกิจขายตรง “พี่ชายฉันมีชีวิตที่มั่นคงเพราะอะโทมี่ ในทางกลับกัน ฉันกําลังจะถูกไล่ออกจากบ้าน เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ" นั่นไม่ใช่เพราะเธอไม่รู้จักธุรกิจเครือข่าย แต่เป็นเพราะเธอรู้ว่าเธอได้พยายามห้ามพี่ชายของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอมีประวัติด้านสินเชื่อที่ไม่ดีนัก และต้องอาศัยอยู่กับแม่ที่เลี้ยงดูเธอมาตามลำพัง ด้วยเหตุนี้เส้นทางชีวิตของเธอจึงขาดความชัดเจน แต่เธอก็เลือกที่จะกัดฟันสู้และมาเริ่มต้นกับอะโทมี่ เธอไม่ใช่คนโลภ
เธอเคยคิดว่าบางทีอาจจะมีรายได้สัก 5 ล้านวอนต่อเดือน หรือถ้าโชคดีก็อาจจะทำได้ถึง 10 ล้านวอน ก็นับว่ามากที่สุดแล้ว แน่นอนว่าอิมพีเรียล มาสเตอร์ ลี แฮจอง ไม่ได้คาดหวังว่าความสําเร็จนี้จะทําให้เธอมีเงินจ่ายคืนหนี้สินและยังสามารถบริจาคเงินเป็นจำนวนถึง 1 พันล้านวอน “พูดกันตามตรง เป็นเพราะความรับผิดชอบทำให้ฉันยังคงเดินหน้าต่อ ฉันไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว
บางครั้งฉันรู้สึกไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าพาร์ทเนอร์ของฉันทำงานไม่หนักพอ แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาหรอกหรือที่ทำให้ฉันมาไกลถึงวันนี้” ในเดือนกรกฎาคม 2019 ลี แฮจอง แต่งกายในชุดฮันบกสีสดใส ก้าวขึ้นเวทีใน KINTEX อิลซัน โดยมีสมาชิกอะโทมี่เกือบ 20,000 คน จับจ้องมองเธออยู่ "ความสําเร็จของฉันสร้างขึ้นจากหยาดเหงื่อและความอดทนของบรรดาพาร์ทเนอร์ของฉัน และการรอคอยอันยาวนานและขมขื่นของครอบครัว" ลีกล่าว และประกาศว่าเธอจะบริจาคเงินรางวัลทั้งหมดจำนวน 1 พันล้านวอน ในการคว้าตำแหน่งอิมพีเรียล มาสเตอร์ให้องค์กรการกุศล
"ฉันจะใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อช่วยเหลือพาร์ทเนอร์ของฉันให้ประสบความสำเร็จ" การเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้อย่างหนึ่งของอิมพีเรียล มาสเตอร์ ลี แฮจอง ในช่วงระยะเวลา 10 ปีนับจากที่เธอได้เริ่มต้นกับอะโทมี่ ก็คือการเปลี่ยนจากห้องเช่าเล็ก ๆ ชั้นใต้ดิน มาสู่อพาร์ทเมนท์เนื้อที่ 175 ตารางเมตร จะมีกี่คนกันที่สามารถไต่ขึ้นจากคนที่มีประวัติหนี้เสีย มีความกังวลว่าจะถูกไล่ออกจากห้องเช่า ไม่มีสายสัมพันธ์พิเศษหรือความรู้ความชำนาญใด ๆ แต่สามารถประสบความสําเร็จอย่างสูงจนมีอพาร์ทเมนท์ขนาด 175 ตรม.ในกรุงโซลได้ภายในเวลา 10 ปี และทั้งหมดที่เธอทําก็คือ "การไม่ยอมแพ้" นอกจากนี้ เธอและ ลี ด็อกอู ผู้เป็นพี่ชาย ยังเคยอาศัยอยู่ในเรือนกระจก ซึ่งนับว่าพวกเขามาจากจุดเริ่มต้นที่ยากลำบาก "คำอธิบายนี้อาจไม่ได้ตอบคําถามที่ว่า ‘ทําไมต้องเป็นอะโทมี่’ สิ่งเดียวที่คุณต้องทำก็คือ อย่ายอมแพ้” มันไม่ยากเลย”
ไม่ใช่สําหรับตัวฉัน แต่สําหรับคนรุ่นใหม่ ๆ
"อะโทมี่ในอีก 100 ปีจะเป็นอย่างไร ใครจะรู้ได้ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือ การสร้างความมั่นใจว่าอะโทมี่จะยังคงดําเนินธุรกิจไปอีกหลายชั่วอายุคน" ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น แต่อิมพีเรียลมาสเตอร์ ลี แฮจอง ก็เอ่ยปากรับประกันว่าอะโทมี่จะยังคงเฟื่องฟูไปอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า "ฉันกล้ารับประกันว่าอะโทมี่จะยังคงเจริญก้าวหน้าต่อไป อย่างน้อยที่สุดก็จนถึงวันที่ฉันลาจากโลกนี้ไป
แต่อีก 100 ปีนับจากนี้... ฉันไม่มีทางรู้ได้เลย แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ฉันทําได้ นั่นคือการทำงานหนักเพื่อไม่ให้อะโทมี่ล้มเหลว ทั้งนี้ไม่ใช่สำหรับตัวฉันเอง แต่ทำเพื่อพาร์ทเนอร์ที่ยังไม่ได้ก้าวขึ้นเป็นอิมพีเรียล มาสเตอร์ เมื่ออยู่กับอะโทมี่ คุณสามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นเมื่อไรก็ตาม นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้อะโทมี่เติบโตต่อไป” ถ้าอะโทมี่ยืนยาวเพียงแค่ 10 ปี ก็ไม่ควรมีขีดจํากัดในเรื่องค่าคอมมิชชั่นสูงสุด เพราะเราต้องได้ส่วนแบ่งของเรา จากนั้นก็มองหาสิ่งอื่น ๆ ต่อไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าอะโทมี่ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ การได้รับเงินแบบบำนาญจนกว่าคุณจะเสียชีวิตนั้นย่อมดีกว่า เนื่องจากมีความเป็นไปได้ในการสืบทอดมรดกต่อ สิ่งที่สําคัญจริง ๆ ก็คือการก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุด เพราะใคร ๆ ก็ก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุดได้แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มต้นตอนนี้ หรือใน 10 ปีหลังจากนี้ หรือแม้แต่หลังจากนั้น “การก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุด นั่นคือชีวิตที่เต็มไปด้วยพร อะโทมี่ให้โอกาสทุกคนในการทําอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นในอีก 10 ปีหรือ 100 ปี" ที่สำคัญ ลีไม่ต้องการจะทําอะไรเลย เธอเพียงแค่ต้องการจะคอยอยู่ใกล้ ๆ และช่วยแก้ไขปัญหาที่เธอพบเจอ ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม นั่นคือบุคลิกลักษณะที่สำคัญของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากลีต้องปากกัดตีนถีบมาตลอดชีวิต เธอจึงไม่เคยหยุดพักอย่างจริง ๆ จัง ๆ และ “อยู่เฉย ๆ” ในอดีตเธอเคยอยากไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยและไปเรียนต่างประเทศ แต่ตอนนี้เธอเชื่อว่าเธอคงไม่ได้รับประสบการณ์มากเท่านี้จากที่อื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่อะโทมี่ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้สิ่งเดียวที่เธอต้องการในตอนนี้ก็คือ การผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต “ฉันรู้สึกว่าต้องทําการบ้านของตัวเองให้เสร็จก่อน การยื่นมือเข้าช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ที่มักรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางประสบความสําเร็จได้ คือการบ้านชิ้นสุดท้ายของฉัน ถ้าฉันทำการบ้านนี้อย่างจริงจัง เมื่อไรล่ะที่ฉันจะได้พักผ่อน” นั่นคือความเป็นไป การที่ลีเป็นอิมพีเรียล มาสเตอร์ได้ก็ด้วยความช่วยเหลือจากพาร์ทเนอร์ เธอจึงต้องการที่จะช่วยให้พวกเขาเป็นอิมพีเรียลมาสเตอร์ได้เช่นกัน ถือว่าเป็นการให้ตอบแทน และอีกอย่างหนึ่งก็คือ เธอต้องการจะสนับสนุนใครสักคนอย่างเต็มที่จนกว่าคนคนนั้นจะก้าวขึ้นเป็นอิมพีเรียล มาสเตอร์ เป้าหมายนี้ชัดเจนมาก สิ่งสุดท้ายที่อิมพีเรียลมาสเตอร์ ลี แฮจอง ต้องการทำก่อนตายนั้น แม้จะดูเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่จริง ๆ แล้วยากมากที่จะทำให้ลุล่วง ต่อเมื่อพาร์ทเนอร์ทุกคนของเธอสามารถก้าวขึ้นเป็นอิมพีเรียล มาสเตอร์และเธอมั่นใจว่าอะโทมี่จะดำเนินธุรกิจต่อไป ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเอง แต่เพื่อคนุร่นต่อ ๆ ไป เมื่อนั้นล่ะ ที่เธอจะสามารถ “เอนหลังพักผ่อนได้” และนี่คือการที่อะโทมี่ได้กลายเป็นแผนการในอนาคตของลี
การแบ่งปันที่อิมพีเรียลมาสเตอร์ ลี แฮจอง พูดถึง
สําหรับอิมพีเรียลมาสเตอร์ ลี แฮจอง แล้ว การแบ่งปันคือ "การแสดงความเข้าอกเข้าใจและการดำรงอยู่ร่วมกัน" เมื่อเธอบอกว่าเธอจะบริจาคเงินรางวัลทั้งหมดจำนวนหนึ่งพันล้านวอนที่ได้รับจากการก้าวขึ้นเป็นอิมพีเรียล มาสเตอร์ คนส่วนใหญ่ที่ได้ยินอาจจะคิดว่าพวกเขาฟังผิด แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าลีเป็นคนชอบบริจาค เมื่อครั้งที่เธอเป็นสมาชิก “Honor Society” เธอก็ได้บริจาคเงินจำนวนมากกว่า 100 ล้านวอน แต่นี่เป็นเงินตั้ง 1 พันล้านวอนเชียวนะ ลี แฮจอง กล่าวว่า “ถ้าฉันคิดว่ามันเป็นเงินของฉัน ฉันก็คงจะบริจาคให้เพียง 500 ล้านวอนเท่านั้น” เธอกล่าวต่อว่า “แต่ฉันเชื่อว่าฉันได้เป็นอิมพีเรียล มาสเตอร์ก็เพราะพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจที่จะมอบเงินคืนให้แก่พระองค์” ความเข้าอกเข้าใจและการดำรงอยู่ร่วมกัน คําสองคำนี้เป็นคำที่เข้าใจได้ยาก
แม้ว่าเราจะอยู่ในกาละและเทศะเดียวกัน แต่เราทุกคนล้วนแตกต่างกัน ความเข้าอกเข้าใจและการดำรงอยู่ร่วมกันนั้นคือ การแบ่งปัน ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้ยุ่งยากซับซ้อน มันก็อาจจะยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น แต่ลองคิดถึงเรื่องนี้ด้วยคำพูดง่าย ๆ ก็เหมือนกับความรู้สึกในการใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนบ้าน (เมื่อเราคิดว่าทุกคนในสังคมนี้เป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน) นั่นก็คือการแบ่งปัน
ลีอธิบายต่อว่า "ความรักคือการทําให้คนอื่น ๆ รอบตัวคุณมีชีวิตที่ดีขึ้น และการแบ่งปันคือวิธีการแสดงความรักนั้นอย่างตรงไปตรงมา" ตั้งแต่เล็ก ๆ ลีก็คิดเสมอว่าถ้าเธอมีรายได้เมื่อไหร่ เธอจะช่วยเหลือคนอื่น ๆ เหตุผลที่เธอบริจาคเงิน 1 พันล้านวอนก็เพราะเธอคิดว่าเธอมีอนาคตที่ดีแล้ว และเชื่อว่าอะโทมี่คงจะไม่ปิดและยังคงจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้เธอต่อไป ตราบใดที่อะโทมี่ยังไม่ปิด เธอก็จะยังคงบริจาคเงินต่อไป "ไม่ใช่เป็นเพราะฉันเป็นคนดีหรอก ฉันเพียงแค่ใช้จ่ายในสิ่งที่ฉันต้องการ นั่นคือจ่ายคืนหนี้สิน และนำเงินส่วนที่เหลือไปช่วยเหลือคนอื่น” เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส
ข้อมูล เช่น ตำแหน่ง ฯ เป็นข้อมูลตามนิตยสาร THE ATOMIANS 2020 (ตีพิมพ์ มิถุนายน 2020)