컨텐츠 바로가기 영역
주메뉴로 바로가기
본문으로 바로가기

ข่าว

ให้ดีกว่า ให้ถูกกว่า...ความลับของความสำเร็จ ยอดขาย 2 ล้านล้านของอะโทมี่ [บิสสิเนส โฟกัส]
  • ผู้เขียน강주리_global
  • วันเวลาที่สร้าง2022.09.06 14:32


เป้าหมายคือการทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดสามารถอยู่รอดได้ รวมถึงลูกค้าและบริษัทพันธมิตร...เน้นการแบ่งปันเพื่อ 'การจัดการที่ยั่งยืน'

อะโทมี่ ซัคเซส อะคาเดมี่ วันที่ 19 สิงหาคม


"อะโทมี่ในฐานะบริษัทขายตรงยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในเดือนเมษายนปีนี้ Direct Selling News นิตยสารขายตรงในสหรัฐฯ ประกาศการจัดอันดับยอดขายในปี 2021 ของบริษัทขายตรงทั่วโลก ซึ่งในปีดังกล่าว อะโทมี่ครองอันดับ 10 ด้วยยอดขาย 1,830 ล้านดอลลาร์ บริษัทได้ก้าวขึ้นเป็นบริษัทขายตรงระดับโลกในระยะเวลาเพียง 13 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2009  


จากข้อมูลที่เปิดเผยโดย Financial Supervisory Service ยอดขายรวมทั้งสิ้นของอะโทมี่ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.93 ล้านล้านวอน ยอดขายของอะโทมี่ในปี 2010 อยู่ที่ประมาณ 80,900 ล้าน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 24 เท่าในระยะเวลาเพียง 12 ปี เมื่อคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี เท่ากับอัตราการเติบโตที่ 33.34% ต่อปี ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาเมื่อนึกถึงการที่บริษัทสามารถทำยอดได้เท่านี้ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่มีมาตั้งแต่ปี 2020 จากข้อมูลของ Deloitte บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระบุว่า

อัตราการเติบโตเฉลี่ยของยอดขายของบริษัทจัดจําหน่ายทั่วโลกในช่วงห้าปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5% เท่านั้น


ถ้าเช่นนั้น อะไรที่ทําให้อะโทมี่สามารถบรรลุผลลัพธ์ดังกล่าวได้ มีเพียงคําตอบเดียว นั่นคือ “ดีกว่าและถูกกว่า” การทําธุรกิจในอุตสาหกรรมการกระจายสินค้านั้นมีหลายวิธีด้วยกัน ห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรูปแบบการกระจายสินค้า อะโทมี่เป็นหนึ่งในบริษัทที่ขายให้ผู้บริโภคโดยตรง การขายตรงนั้นมีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่น สํานักงานใหญ่ ‘สามารถเลือก’ ผลิตภัณฑ์ได้โดยตรง แน่นอนว่าร้านค้าปลีกอื่น ๆ ก็เลือกผลิตภัณฑ์ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องมี “การจัดชุด” ซึ่งหมายถึงในการขายสินค้าดี ๆ ตัวหนึ่ง พวกเขาต้องผูกด้วยสินค้าอื่น ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค แต่หากคุณขายตรง คุณไม่จำเป็นต้องทําเช่นนั้น คุณเพียงแค่หาสินค้าที่ดีและคุณก็แค่ขายสินค้านั้นให้แก่คนที่ต้องการ  นี่เป็นเรื่องง่ายมาก


มีแรงขับเคลื่อนสองอย่างที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของอะโทมี่ หนึ่งคือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “เฮโมฮิม” (HemoHIM) และอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งก็คือเครื่องสําอาง “แอบโซลูท ซีเลคทีฟ สกินแคร์” (Absolute Selective Skincare) อะโทมี่สร้างยอดขายถึง 370,000 ล้านวอนต่อปีทั้งในเกาหลีและในต่างประเทศจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เฮโมฮิมเพียงอย่างเดียว ยอดขายผลิตภัณฑ์แอบโซลูท ซีเล็คทีฟ สกินแคร์ มีจํานวนถึง 100,000 ล้านวอน ยอดขาย 100,000 ล้านวอนต่อปีเป็นตัวเลขที่บริษัทเครื่องสําอางขนาดกลางยังไม่สามารถทำได้ หลักการของอะโทมี่ที่เน้น “ดีกว่าและถูกกว่า” นั้นสามารถเข้าใจได้ง่ายถ้าคุณดูที่เรื่องราวการขายของเฮโมฮิม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท


เฮโมฮิมเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูของเกาหลี (Korea Atomic Energy Research Institute) เฮโมฮิมเคยได้รับการจัดจําหน่ายโดยตัวแทนจําหน่ายหลายรายก่อนที่อะโทมี่จะเริ่มนำมาจำหน่าย ในเวลานั้น เฮโมฮิมหนึ่งกล่องซึ่งประกอบด้วย 60 ซอง ราคาขายปลีกสูงถึง 770,000 วอน ก่อนอื่นอะโทมี่ได้ลดราคาผลิตภัณฑ์ลงอย่างน่าตกใจ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 76,500 วอนต่อหนึ่งกล่อง (30 ซอง) ต่อมาเมื่อเปลี่ยนเป็นกล่องละ 60 ซอง ก็ตั้งราคาขายที่ 153,000 วอน ซึ่งต่ำกว่าราคาขายเดิมมากกว่าครึ่งหนึ่ง ไม่เพียงแต่พนักงานเท่านั้น ทว่าผู้คนรอบตัวประธานปาร์ค ฮันกิล ผู้ก่อตั้งอะโทมี่ ล้วนแล้วแต่ขอไม่ให้เขาตัดสินใจขายในราคานี้โดยบอกว่า “ราคาถูกเกินไป” อย่างไรก็ตาม ประธานปาร์คยังคงทำเช่นนั้นโดยให้เหตุผลว่า “ถ้าเราขายในราคาที่ถูกลงไม่มากนัก รับรองว่าจะมีบริษัทอื่นขายถูกกว่าอย่างแน่นอน เราต้องขายในราคาที่ถูกมากจนไม่มีใครกล้าจะตัดราคานี้”


แล้วอะโทมี่ก็ได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง เมื่อยอดขายเพิ่มขึ้นจากการขายผลิตภัณฑ์ในราคาถูก ราคาต้นทุนต่อหน่วยก็ลดลงเนื่องจากข้อได้เปรียบของการผลิตเป็นจํานวนมากเมื่อปริมาณยอดขายพุ่งสูงขึ้น เมื่อราคาต้นทุนต่อหน่วยลดลง อะโทมี่ได้เพิ่มจํานวนซองต่อกล่อง โดยในช่วงแรกได้เพิ่มจาก 30 ซองเป็น 48 ซอง และเป็น 54 ซอง แล้วในที่สุดก็เพิ่มเป็น 60 ซอง แม้ว่าบริษัทต้องเผชิญกับราคาวัตถุดิบและต้นทุนแรงงานสูงขึ้น แต่บริษัทสามารถลดราคาสินค้าลงกว่าครึ่งหนึ่ง และยังคงรักษาคุณภาพที่ดีเช่นเดิมไว้ ดังนั้น เฮโมฮิมจึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ยอดฮิตที่ขายได้ถึง 4 ล้านกล่องต่อปี


อีกหนึ่งเสาหลักที่ค้ำยันยอดขายของอะโทมี่ก็คือ แอบโซลูท ซีเล็คทีฟ สกินแคร์ (“แอบโซลูท สกินแคร์”) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสําอางชิ้นแรกที่ได้รับรางวัล “Sejong the Great Award” โดยเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัลสิทธิบัตรที่สำคัญจากสํานักงานทรัพย์สินทางปัญญาของเกาหลี (Korea Intellectual Property Office) นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัล IR52 Jang Young-sil Award และประกาศนียบัตร ‘New Excellent Product (NEP)’ ถือเป็น “สถานะสามมงกุฎ” (Triple Crown) ที่อุตสาหกรรมต้องการ มงกุฎทั้งสามนี้เป็นผลมาจากเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรที่ชื่อว่า “เทคโนโลยีการออกแบบเปปไทด์เฉพาะทางในการเชื่อมกับตัวรับของเซลล์ผิว’ แอบโซลูท สกินแคร์ที่ใช้เทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรนี้ ประกอบด้วยวัตถุดิบที่มีปัจจัยในการกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวซึ่งมีราคาแพง (EGF: Epiderma Growth Factor) EGF เป็นโปรตีนที่ได้จากเลือด น้ำลาย และเหงื่อ ซึ่งสามารถช่วยสมานแผลบนผิวหนังให้หายได้โดยธรรมชาติและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น แต่ถึงอย่างนั้น ผลิตภัณฑ์สกินแคร์นี้ตั้งราคาไว้เพียง 198,000 วอน โดยเป็นชุดผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วย 6 ชิ้น ดังนั้น ราคาเฉลี่ยของแต่ละชิ้นจึงอยู่ที่ 33,000 วอนเท่านั้น นี่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอะโทมี่ในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ “ดีกว่าและถูกกว่า” ให้แก่ผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้ แอบโซลูท สกินแคร์จึงมียอดขายสูงกว่า 100,000 ล้านวอนทั่วโลกโดยไม่ต้องมีกิจกรรมทางการตลาดพิเศษใด ๆ เลย



ยอดขายทั่วโลกของอะโทมี่ (หน่วย: 1 ล้านวอน)

ภายในประเทศ  ต่างประเทศ

* ที่มา: อะโทมี่



"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่มีทางล้มเหลว"


ประธานปาร์คเป็นผู้ก่อตั้งและฟูมฟักบริษัทด้วยหลักการหนึ่งข้อคือ “ดีกว่าและถูกกว่า” ประธานปาร์คได้เริ่มการทำงานครั้งแรกเป็นพนักงานฝ่ายการตลาดของบริษัทอะไหล่รถยนต์ เขาทํางานที่บริษัทนั้นยาวนานกว่าทศวรรษและเป็นเพียง ‘พนักงาน’ คนหนึ่ง สาเหตุที่เขากลายมาเป็นนักธุรกิจก็เพราะเขาได้เรียนรู้วิธีการขายที่เรียกว่า 'เน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง' ในขณะที่เดินทางไปทำงานที่ออสเตรเลีย ประธานปาร์คเล่าถึงเรื่องนี้ว่า


“ในที่สุด สินค้าหนึ่ง ๆ ก็ต้องถูก “ขาย” จึงจะมีคุณค่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การค้าปลีกมีความสําคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง สินค้าสามารถขายได้ในราคาถูกเนื่องจากกําไรต่ำ นอกจากนี้ ถ้าสินค้ามีคุณภาพดี ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อผู้บริโภค ยิ่งไปกว่านั้น คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้โดยไม่ต้องทุ่มเงินลงทุนเป็นจํานวนมาก นี่คือวิธีที่คนมีทุนน้อยอย่างฉันสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้”


ประธานปาร์ค (ซึ่งลาออกจากบริษัทอะไหล่รถยนต์ที่เขาทํางานอยู่และเข้ามาสู่ธุรกิจเน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง) ได้ขึ้นมาสู่ตําแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ” ด้วยความรู้ด้านการตลาดของเขาเอง แต่เขายังคงรู้สึกว่ามีบางอย่าง 'ขาดหายไป' เนื่องจากบริษัทเน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้งส่วนใหญ่ที่ดําเนินงานในเกาหลีในขณะนั้น ไม่ได้ทําในสิ่งที่ประธานปาร์คคิดว่าเป็น “การขายสินค้าที่ดีในราคาถูก” ยิ่งไปกว่านั้น ความผิดหวังของประธานปาร์คยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อบริษัทที่เขาเคยทํางานอยู่ปิดตัวลง


ในที่สุด ในปี 2001 เขาได้ก่อตั้งร้านค้าออนไลน์ที่ชื่อว่า “imkorea.com” ImKorea.com มีความใฝ่ฝันที่จะก้าวขึ้นเป็นร้านค้าบนอินเทอร์เน็ตที่เป็นตัวแทนของเกาหลี (เช่นที่ชื่อบริษัทบอก) มีการจัดจำหน่ายสินค้าทั้งหมดที่มีขายในตลาดหรือห้างสรรพสินค้า ตั้งแต่สินค้าอุตสาหกรรมไปจนถึงสินค้าเกษตรกรรม เช่น ข้าว ปลา เนื้อสัตว์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และแม้แต่พริกหยวก อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นความล้มเหลว เนื่องจากผู้บริโภคยังคงไม่คุ้นเคยกับแนวคิดของร้านค้าบนอินเทอร์เน็ตและยังไม่มีการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ประธานปาร์คกล่าวว่า “ผมควรก้าวเพียงครึ่งก้าว แต่ผมก้าวไปไกลเกินไป และมองข้ามตลาดและผู้บริโภค” และกล่าวเสริมว่า “หลังจากล้มละลาย ผมรู้สึกในใจว่าจริง ๆ แล้วบริษัทไม่ควรจะล้มเหลว”


ประธานปาร์ค ซึ่งต้องมีหนี้สินล้นพ้นตัวเนื่องจากความล้มเหลวของ Imkorea.com ได้เริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของการค้าปลีกด้วยการอ่านหนังสือมากกว่า 250 เล่มที่เกี่ยวกับการค้าปลีก จนกระทั่งเขาได้ก่อตั้งอะโทมี่ขึ้น ขณะเดียวกัน ความฝันของเขาเกี่ยวกับเน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง หรือ “การขายสินค้าที่ดีในราคาถูก” ก็ยิ่งเติบโตขึ้น หลังจากนั้น โอกาสก็เข้ามา นั่นก็คือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างเฮโมฮิม และผลิตภัณฑ์เครื่องสําอาง “Sang-eol (ดูเป็นธรรมชาติ) 100” ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดนี้ผลิตโดยเทคโนโลยีของ Kolmar Korea ด้วยส่วนผสมที่ได้รับการจดสิทธิบัตรโดยสำนักงานวิจัยพลังงานปรมาณูของเกาหลี (KAERI) ดังนั้นจึงเป็นการรับประกันคุณภาพ เขาตัดสินใจที่จะนำเอาความเชื่อที่ว่า “ดีกว่าและถูกกว่า” มาใช้ในกรณีนี้ และเขาได้ไปติดต่อ KAERI และ Kolmar B&H (บริษัท SunbioTech ในขณะนั้น) นี่คือจุดเริ่มต้นของอะโทมี่


ในขณะที่สร้างความเติบโตให้อะโทมี่ ประธานปาร์คได้ให้คํามั่นสัญญาเพียงข้อเดียว นั่นคือ “ฉันจะไม่ปล่อยให้บริษัทนี้ต้องเจ๊ง” เป็นเพราะเขารู้ดีว่าจะเกิดความเสียหายขึ้นมากแค่ไหนถ้าบริษัทล้ม เพราะตัวเขาเองก็เป็นบุคคลล้มละลายและทํางานอยู่ที่บริษัทที่ต้องปิดตัวลง ประธานปาร์คกล่าวว่า “เมื่อบริษัทล้มละลาย เหตุการณ์จะก็ไม่ได้จบลงที่ความล้มเหลวของบริษัทเท่านั้น แต่ได้สร้างความเสียหายไม่เพียงแต่สำหรับพนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจและแม้แต่ผู้บริโภคด้วย ในแง่นี้ จึงอาจถึงกับเป็นบาปถ้าบริษัทล้มละลายลง”


ประธานปาร์คคิดว่ากุญแจสําคัญที่จะทำให้บริษัทไม่เจ๊งก็คือ ต้องลดต้นทุนลง ดังนั้น ประธานปาร์คจึงมาพร้อมกับกลยุทธ์การจัดการที่เรียกว่า “การจัดการแบบมีดโกน” หมายถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างละเอียด ราวกับว่าต้นทุนนั้นถูกตัดด้วยมีดโกนโดยมีเป้าหมายที่ต้นทุนเป็นศูนย์ ต้นทุนที่สูงเกินไปจะเป็นอันตรายต่อทั้งบริษัทและผู้บริโภคในท้ายที่สุด ความสนใจในเรื่อง “การมีชีวิตรอด” ของประธานปาร์คยังก่อให้เกิดหลักการอีกข้อหนึ่ง นั่นคือ แม้ว่าบริษัทจะล้มเหลว แต่บริษัทก็ “ล้มเหลวเพียงลําพัง” นั่นหมายถึงการทำให้ “บริษัทปลอดเจ้าหนี้” ด้วยเหตุนี้ อะโทมี่จึงจ่ายเงินให้บริษัทคู่ค้าของตนเป็นเงินสดโดยไม่มีเงื่อนไขภายในหนึ่งสัปดาห์หลังการส่งมอบสินค้า


สมาชิก 16 ล้านรายใน 24 ประเทศทั่วโลก



ที่ Atomy Türkiye Corporation


ณ สิ้นปี 2021 จํานวนสมาชิกของอะโทมี่เพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านรายใน 24 ประเทศ หนึ่งในความลับของการเติบโตของอะโทมี่ก็คือ บริษัทมุ่งเป้าไปที่ตลาดโลกตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นด้วยเหตุผลข้อเดียว คําตอบก็คือ ผู้บริโภคทุกคนเลือกผลิตภัณฑ์ที่ “ถูกกว่าและดีกว่า” โดย ณ สิ้นปี 2021 ยอดขายในต่างประเทศรวมทั้งสิ้นของอะโทมี่อยู่ที่ 1.19 ล้านล้านวอน ซึ่งสูงกว่ายอดขายของเกาหลีที่ 1.03 ล้านล้านวอน อะโทมี่เข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปี 2010 หรือเพียงหนึ่งปีหลังจากที่บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2009 สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาอํานาจทางเศรษฐกิจ ยังเป็น 'บ้าน' ของธุรกิจขายตรงอีกด้วย จากข้อมูลของสมาพันธ์การขายตรงโลก (WFDSA) ตลาดขายตรงในสหรัฐฯ จะมีมูลค่าสูงถึง 42,670 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 หรือคิดเป็น 23% ของตลาดโลก ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของสํานักงานใหญ่ของบรรดาบริษัทขายตรงชั้นนําระดับโลก เช่น Amway (ยอดขาย 8,900 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2021), Herbalife (5,800 ล้านดอลลาร์) และ Nu Skin (2,700 ล้านดอลลาร์) เนื่องจากตลาดมีขนาดใหญ่ การแข่งขันจึงเข้มข้น ในตลาดสหรัฐฯ อะโทมี่มียอดขายสูงถึง 109,600 ล้านวอนในปี 2021 ในบรรดาบริษัทขายตรงของเกาหลี อะโทมี่เป็นบริษัทเดียวที่มียอดขายสูงกว่า 100,000 ล้านวอนในตลาดสหรัฐฯ


ไม่เพียงแต่ในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่อะโทมี่ยังเปิดตลาดในประเทศจีน·ไต้หวัน·มาเลเซียด้วย และมียอดขายมากกว่า 100,000 ล้านวอนต่อปี นับตั้งแต่ธุรกิจมีความก้าวหน้าในสหรัฐอเมริกา เริ่มจากญี่ปุ่นและแคนาดาในปี 2011 ปัจจุบันอะโทมี่ได้ดําเนินธุรกิจในทุกทวีปของโลกยกเว้นแอฟริกา ซึ่งมีตั้งแต่ไต้หวัน มาเลเซีย รัสเซีย ออสเตรเลีย เม็กซิโก สหราชอาณาจักร ไปจนถึงคาซัคสถาน และอื่น ๆ อีกมาก นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทยังได้เริ่มต้นธุรกิจในบราซิล และวางแผนที่จะเข้าไปดําเนินธุรกิจในมองโกเลีย อุซเบกิสถาน ฯลฯ


ถ้าอย่างนั้น จุดประสงค์ของการปรับปรุงประสิทธิภาพการทํางานของบริษัทคืออะไร อะโทมี่มีคําตอบเดียว เพื่อให้มีรายได้มากขึ้น เพื่อแบ่งปันให้มากขึ้น และเพื่อให้ทุกคนมีความสุขร่วมกัน พนักงานประมาณ 200 คนทํางานให้สํานักงานใหญ่ของอะโทมี่ อะโทมี่เรียกอาคารสํานักงานว่า อะโทมี่ ปาร์ค อะโทมี่ ปาร์คมีสระว่ายน้ำและห้องยิม นอกจากนี้ ยังมีสนามม้าและสนามกีฬาใกล้กับอาคารสํานักงานอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อโชว์เท่านั้น พนักงานและสมาชิกครอบครัวของพนักงานสามารถใช้สิ่งอํานวยความสะดวกเหล่านี้ได้ตลอดเวลา



อะโทมี่มักจะใช้คําว่า “Chutzpah” (ฮุซพาร์) คํานี้เป็นภาษาฮีบรู หมายถึง ความกล้าหาญและการผจญภัย โดยอะโทมี่ใช้คำนี้เพื่อสื่อความหมายว่า คุณสามารถแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องกังวลกับรูปแบบและลำดับชั้นของโครงสร้างองค์กร ด้วยเหตุนี้ อะโทมี่จึงได้กําจัดระบบลำดับชั้นนี้ไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ ผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพิจารณาอนุมัติงานของตน และยังมีการใช้ระบบที่นั่งอัตโนมัติที่ช่วยให้พนักงานสามารถทํางานได้ทุกที่ที่ต้องการในอาคารสํานักงาน

Jeong-gu Yoon อาจารย์ภาควิชาบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัย Ewha Woman ค้นพบความลับสู่ความสําเร็จของอะโทมี่ในเรื่องนี้ เน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้งที่อะโทมี่สนับสนุนนั้นเรียกอีกอย่างว่า “หลายระดับชั้น” (Multi-level) สังคมมีมุมมองที่ไม่ดีนักต่อบริษัทที่ทำการตลาดแบบหลายระดับชั้น ยิ่งกว่านั้น กลยุทธ์ “ดีกว่าและถูกกว่า” ที่อะโทมี่ส่งเสริมอาจเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทล้วนพยายามดำเนินการ อันที่จริง ตลาดของเน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้งในเกาหลี ได้ขึ้นถึงจุดสูงสุดในปี 2015 แต่ก็ยังมีมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านล้านวอน


เหตุผลที่ทำให้อัตราเติบโตนั้นไม่ขยายตัวเพิ่มก็เพราะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงมุมมองเชิงลบที่ผู้คนมีต่อการตลาดเครือข่ายได้ กระนั้นก็ตาม เหตุที่อะโทมี่สามารถเติบโตไปทั่วโลกนอกเหนือจากเกาหลี ก็เพราะอะโทมี่มุ่งที่ “ความสุขของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด” อาจารย์ Yoon ให้คำจำกัดความแก่อะโทมี่ว่าเป็น 'บริษัทที่ยุติธรรม' บริษัทที่ยุติธรรม หมายถึง บริษัทที่รับผิดชอบต่อจุดมุ่งหมายของตนในการทุ่มเทความสามารถของตนโดยมีเป้าหมายเพื่อทําให้โลกใบนี้เป็นที่ที่น่าอยู่มากขึ้น ช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าบริษัทได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการส่งเสริมความยั่งยืน โดยเชิญผู้มีส่วนร่วมในระบบนิเวศของบริษัท ซึ่งได้แก่ ลูกค้าและสมาชิก ให้มาร่วมทําธุรกิจในสนามเด็กเล่นขององค์กร ในฐานะผู้มีส่วนร่วมที่สำคัญในการทำงานร่วมกัน


อาจารย์ Yoon กล่าวว่า “สาเหตุที่ทำให้อะโทมี่ก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ก็เพราะซีอีโอของบริษัทเชื่อมั่นในจุดประสงค์ที่ตั้งไว้และสื่อสารอย่างประสบความสําเร็จ โดยการสร้างรั้วเพื่อทำให้ความเชื่อมั่นนี้บรรลุผล” อาจารย์กล่าวต่อว่า “อะโทมี่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นําระดับโลกและอยู่เหนือบริษัทเน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้งอื่น ๆ เนื่องจากบริษัทยังคงคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อความคุ้มทุนของผลิตภัณฑ์ และมุ่งมั่นเพื่อมอบแผนการตลาดที่เป็นธรรม แต่เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นก็คือ บริษัทยังคงดําเนินตามจุดประสงค์และค่านิยมหลักขององค์กร อันเป็นสิ่งที่แทบจะไม่พบในบริษัทการตลาดอื่น ๆ”


[Magnifier] โลกที่เด็ก ๆ มีความสุข... การจัดการด้านการแบ่งปันของอะโทมี่



สัดส่วนการบริจาค 10 อันดับแรกเมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2021

(อันดับที่ / ชื่อบริษัท / ประเภทธุรกิจ / สัดส่วน)

1 / อะโทมี่ / การจัดจําหน่าย / 2.04%

2 / LG H&H / สินค้าอุปโภคบริโภคประจําวัน / 1.25%

3 / NAVER / บริการ / 1.24%

4 / Jeil Construction / วัสดุก่อสร้าง / 1.20%

5 / HANA Financial Group / กลุ่มธุรกิจการเงิน / 1.14%

6 / Hoban Construction / วัสดุก่อสร้าง / 0.95%

7 / KT&G / อาหารและเครื่องดื่ม / 0.90%

8 / DB Hightec / ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ด้านไอที / 0.84%

9 / Ssangyong C&E / วัสดุอาคารก่อสร้าง / 0.79%

10 / SK Lubricants / ปิโตรเคมี / 0.62%

* ที่มา: CEO Score (2022)


อะโทมี่กลายเป็นผู้สนับสนุนที่น่าเชื่อถือสำหรับเด็ก ๆ ทั่วโลก เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม อะโทมี่ได้ประกาศว่า บริษัทได้บริจาคเงินจํานวน 14,000 ล้านวอน โดย 7,000 ล้านวอนในจำนวนนี้เป็นการบริจาคโดยประธานปาร์ค ฮันกิล และอีก 7,000 ล้านวอนโดยอะโทมี่ เพื่อมอบให้แก่ Compassion องค์กรที่ให้การดูแลเด็กที่ขัดสน การบริจาคนี้เป็นไปตามคํามั่นสัญญาที่จะสนับสนุนเงินทุนจำนวน 12,000 ล้านวอนในปีที่แล้ว และอีก 6,000 ล้านวอนต่อปีที่มอบให้ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ รวมแล้วทั้งสิ้น อะโทมี่ได้บริจาคเงินให้แก่ Compassion เป็นจํานวน 30,000 ล้านวอน


เงินบริจาคนี้จะนำไปใช้ใช้สําหรับเด็ก ๆ ในเอเชีย ลาตินอเมริกา และแอฟริกา รวมถึงประเทศต่าง ๆ ที่อะโทมี่ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจ เช่น ไทย ฟิลิปปินส์ โคลอมเบีย บราซิล อินโดนีเซีย และเม็กซิโก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินทุนนี้จะนำไปใช้กับ 33 โครงการ ได้แก่ การสนับสนุนเด็ก ๆ ที่ประสบภัยพิบัติ เช่น โควิด-19 สงครามกลางเมือง และเหตุการณ์แผ่นดินไหว หรือเพื่อสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นที่สูงขึ้นของนักเรียนที่ได้รับเลือก การศึกษาสายอาชีพ และการพัฒนาทางสติปัญญาและการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคมของเด็ก ๆ เจ้าหน้าที่จาก Compassion Korea กล่าวว่า “เงินบริจาคของอะโทมี่จะถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสเพื่อตอบสนองความต้องการเร่งด่วนของเด็ก ๆ ครอบครัว และชุมชนท้องถิ่นในทั่วโลก” และเสริมว่า “ด้วยการดูแลเด็กแบบองค์รวม เรากําลังช่วยเปลี่ยนแปลงเด็ก ๆ ครอบครัว รวมไปถึงชุมชน” Compassion มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับประเทศเกาหลี องค์กร Compassion ก่อตั้งขึ้นโดยศิษยาภิบาล Everett Swanson ผู้เดินทางมาประเทศเกาหลีในฐานะอนุศาสนาจารย์ชาวอเมริกันในช่วงสงครามเกาหลี และได้พบเห็นเด็ก ๆ ที่ต้องกำพร้าอันเป็นผลมาจากสงคราม จึงได้ให้การช่วยเหลือ เกาหลี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Compassion มาตั้งแต่ปี 1952 ได้หลุดจากสถานะของการเป็นประเทศผู้รับในปี 1993 และในปี ค.ศ. 2003 เกาหลีจึงเกิดใหม่ในฐานะประเทศผู้บริจาคอันดับที่สิบ นี่ถือเป็นกรณีแรกที่ผู้รับการช่วยเหลือของ Compassion ได้กลายเป็นประเทศผู้ให้ความอุปถัมภ์


หลังจากได้ทราบว่า Compassion ต้องการเงินบริจาคเร่งด่วน อะโทมี่จึงตัดสินใจบริจาคเงินจำนวน 7,000 ล้านวอนโดยไม่ลังเล ประธานปาร์คกล่าวว่า “เด็ก ๆ คืออนาคตของมนุษยชาติ ผมหวังว่าโลกที่บรรดาเด็ก ๆ จะได้วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยความสดใส โดยไม่ต้องทนทุกข์จากความยากจนและภัยพิบัติ จะเกิดขึ้นจริงในเร็ววัน”


อะโทมี่ได้บริจาคเงินเป็นยอดสูงสุดในอุตสาหกรรมเน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง หรืออุตสาหกรรมการจัดจำหน่าย และสูงสุดในบรรดา 500 บริษัทชั้นนําในเกาหลี จากข้อมูลของ CEO Score อุตสาหกรรมการจัดจําหน่ายที่อะโทมี่สังกัดอยู่นั้นมียอดขายเพิ่มขึ้น 10% ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ยอดบริจาคเงินลดลง 20,200 ล้านวอน (14.3%) ส่งผลให้อัตราส่วนการบริจาคต่อยอดขายลดลง 0.02% ในทางตรงกันข้าม อะโทมี่ได้เพิ่มยอดเงินบริจาคเป็น 24,800 ล้านวอน หรือเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2020 และสัดส่วนของเงินบริจาคต่อยอดขายอยู่ที่ 2.04% ไม่เพียงแต่ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ในบ้านและอุตสาหกรรมการจัดจําหน่ายเท่านั้น แต่รวมไปถึงในบรรดา 500 บริษัทชั้นนำในปี 2022 อีกด้วย โดยเป็นบริษัทเดียวที่มีสัดส่วนการบริจาคต่อยอดขายสูงกว่า 2% อัตราส่วนของกําไรจากการดําเนินงานอยู่ที่ 18%


1



TOP

อะโทมี่ ฮับ

ออฟฟิศของฉันในแต่ละภูมิภาค
ถ้าคุณเลือกภูมิภาคที่ต้องการ หน้านี้จะไปที่ออฟฟิศของฉัน

กรุณาเลือกวิธีในการสมัคร

    • เกาหลี

    • ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนเกาหลี ชที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในเกาหลี, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในต่างประเทศ (อินเดีย, ฮ่องกง)
    • สหรัฐอเมริกา

    • ผู้ที่ถือบัตร SSN (Social Security Number) ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • ญี่ปุ่น

    • ชาวญี่ปุ่นที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในญ๊่ปุ่น
    • แคนาดา

    • ผู้เป็นพลเมืองแคนาดาอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักถาวรในแคนาดา
    • ไต้หวัน

    • ชาวไต้หวันที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในไต้หวัน
    • สิงคโปร์

    • ชาวสิงค์โปรที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักถาวรในสิงค์โปร
    • กัมพูชา

    • ชาวกัมพูชาที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในกัมพูชา, นิติบุคคล
    • ฟิลิปปินส์

    • ชาวฟิลิปปินส์ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักถาวรในฟิลิปปินส์, ผู้ถือวีซ่าเกษียณอายุพำนักถาวรพิเศษ (SRRV)
    • มาเลเซีย

    • ชาวมาเลเซียที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักอาศัยถาวร
    • เม็กซิโก

    • ผู้ถือ CURP ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในต่างประเทศ (โคลอมเบีย, บราซิล, อาร์เจนติน่า, เปรู, กัวเตมาลา, ชิลี, โบลิเวีย)
    • ไทย

    • ชาวไทยที่มีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • ออสเตรเลีย

    • ผู้ถือสัญชาติออสเตรเลียและผู้พำนักอาศัยระยะยาว, ผู้ถือวีซ่าอนุญาตทำงาน Work Permit Visa (รวมถึงวีซ่า Working Holiday )
    • อินโดนีเซีย

    • ผู้ถือสัญชาติอินโดนีเซียที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • รัสเซีย

    • ชาวรัสเซีย (ผู้พำนักอาศัย) ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในต่างประเทศ (ยูเครน, เบลารุส)
    • ประเทศจีน

    • สมาชิกผู้บริโภค : อายุ 22 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
      สมาชิกนักธุรกิจ : บริษัทจำกัด, ห้างหุ้นส่วน, ธุรกิจเจ้าของคนเดียวหรือธุรกิจส่วนตัวที่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายในประเทศจีน
    • โคลอมเบีย

    • พลเมืองโคลอมเบียอายุ 18 ปีขึ้นไปผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในโคลอมเบีย
    • ฮ่องกง

    • ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนฮ่องกงอายุ 20 ปีขึ้นไป
    • อินเดีย

    • ผู้ที่มีสัญชาติอินเดีย, ผู้ถือบัตร PAN, อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, รัฐมหาราษฏระ : อายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • นิวซีแลนด์

    • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้พำนักอาศัยในนิวซีแลนด์
    • ตุรกี

    • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนตุรกี, ผู้พำนักอาศัยระยะยาวใน
    • อังกฤษ

    • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้พำนักอาศัยในอังกฤษ
    • คาซัคสถาน

    • ชาวคาซัคสถานที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • คีร์กีซสถาน

    • ชาวคีร์กีซสถานที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • บราซิล

    • ผู้ถือ CPF ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีหรือผู้ประกอบการบริษัท
    • มองโกเลีย

    • ชาวมองโกเลียที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือ ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในมองโกเลีย
    • อุซเบกิสถาน

    • ชาวอุซเบกิสถานที่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป,
      ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่า B2, E วีซ่า, INV วีซ่า, หรือผู้มีสิทธิพำนักระยะยาวในอุซเบกิสถาน,
      นักธุรกิจบุคคลธรรมดาประเภทผลิตและติดตั้ง/โพสต์สื่อโฆษณา (Reklama ishlab chiqarish va joylashtirish)
    • ยุโรป

    • อายุ 18 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในสหภาพยุโรปหรือ EFTA
    • สมาชิกทั่วโลก

    • อาร์เจนตินา, อาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจาน, บังกลาเทศ, โบลิเวีย, ชิลี, คอสตาริกา, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เอกวาดอร์, เอลซัลวาดอร์, จอร์เจีย, กัวเตมาลา, มอลโดวา, เนปาล, ปานามา, ปารากวัย, เปรู, แอฟริกาใต้, ทาจิกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน, ยูเครน, เฮติ, ไนจีเรีย, นามิเบีย, บอตสวานา, บรูไน, ศรีลังกา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อิสราเอล, กานา, แกมเบีย, เลโซโท, มอริเชียส, เซเนกัล, เคนยา, แองโกลา, ตูนิเซีย, โมร็อกโก, อียิปต์, เซอร์เบีย, แอลเบเนีย
ไปยังเว็บไซต์

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยังช้อปปิ้งมอลล์

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยังแชนเนล อะโทมี่

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยังอะโทมี่ทิคเก็ต

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยัง YouTube

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยัง Facebook

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยัง Instagram

CLOSE