อิมพีเรียลมาสเตอร์ คิม ซอง อิล ถ้าคุณเพิ่งเข้ามาร่วมงานกับอะโทมี่ คุณอาจจะเคยได้ยินชื่อของเขาในฐานะสมาชิกที่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม คิมก็มีอดีตที่มืดมนเช่นกัน คิมเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไป แต่เขาตกต่ำถึงขีดสุดเมื่อถูกลวงล่อด้วยความต้องการที่จะประสบความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืน เขาพยายามอย่างหนักมาตลอด 10 ปี และในระหว่างนั้นครอบครัวของเขาก็แตกสลาย คิมก็ทำให้แม่ของเขายิ่งรู้สึกเป็นห่วงเขามากขึ้น เมื่อเขาได้รู้จักกับอะโทมี่เป็นครั้งแรก เขารู้สึกว่าธุรกิจนี้ดูเหมือนดีเกินจริงสำหรับเขา "เมื่อผมมองย้อนกลับไป ผมรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก เพราะระบบได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ผมต้องทำก็คือเดินตามระบบนั้น"

อะโทมี่คือจุดเปลี่ยน

คิมไม่ได้คิดถึงเรื่องจะพลิกชะตาชีวิตอะไร เขาเกือบจะยอมแพ้ที่อะโทมี่แล้วด้วยซ้ำ แต่แล้วธุรกิจนี้ก็ได้พลิกชีวิตของอิมพีเรียลมาสเตอร์ คิม ซอง อิล ให้ดีขึ้น จริงๆ แล้วคิมไม่ได้คาดหวังว่าชีวิตจะพลิกผันเนื่องจากอะโทมี่ เขาละทิ้งความหวังและความฝันทั้งหมดไปแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องเสียอีกต่อไป เขาเริ่มต้นด้วยการไม่คาดหวัง แล้วอะโทมี่ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตที่สิ้นหวังของคิมด้วยประกายแห่งความหวัง "ผมทำธุรกิจแบบไม่คาดหวังอะไร ถ้ามันออกมาไม่ดี มันก็แค่เรื่องแย่ๆ แต่ถ้าผมประสบความสำเร็จ ก็นับเป็นเรื่องโชคดี เพราะผลิตภัณฑ์ของอะโทมี่คุณภาพดีและราคาไม่แพง ผมจึงค่อยๆ ได้ฐานผู้บริโภคมาเรื่อยๆ รวมถึงพาร์ทเนอร์" ของขวัญที่มีค่าที่สุดสำหรับคนที่สิ้นหวังแล้วก็คือความหวัง และอะโทมี่ก็ทำเช่นนั้น แล้วชีวิตของคิมก็เปลี่ยนแปลงแบบพลิกผันด้วยความหวังที่ได้รับจากอะโทมี่

คิมแนะนำให้ลูกชายของเขาที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ชาติในกองทัพ ได้รู้จักอะโทมี่ คิมคิดว่าการจะเข้าสู่โลกธุรกิจอย่างเต็มตัวผ่านอะโทมี่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เลวร้ายอะไร ถ้าลูกชายของเขาไม่ได้มีแผนอื่นในใจ เพราะในช่วงเวลานั้นค่อนข้างหางานยาก ความสำเร็จไม่ได้หมายถึงการทำเงินได้มากๆ เพียงอย่างเดียว แต่ถ้าคุณมีความมั่นคงทางการเงิน คุณก็สามารถทำตามความฝันของคุณได้โดยการทำในสิ่งที่คุณชอบ "ผมเลยคิดว่ามันดีกว่าที่จะทำธุรกิจอะโทมี่ ถ้าคุณอยากศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้งานที่มีรายได้สูงๆ อะโทมี่ก็เหมือนการทำประกันชีวิต ลูกชายผมเห็นด้วยกับคำแนะนำของผม"

คุณต้องลบความคิดแบบเหมารวมออกจากสมอง เพื่อให้มองเห็นอะโทมี่ได้ชัดขึ้น

อิมพีเรียลมาสเตอร์ คิม ซอง อิล ค่อนข้างมีความสุขในช่วงนี้ เขามีความหวังอันยิ่งใหญ่ต่อศักยภาพที่ไม่มีขีดจำกัดในตลาดต่างประเทศ "ทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องเดินทางไปทั่วโลกเพราะอะโทมี่กำลังขยายกิจการไปทั่วโลก เรามีลีดเดอร์ระดับสูงในเกาหลีหลายคน แต่ไม่ค่อยมีในต่างประเทศ" บางคนอาจคิดว่ายังมีงานอีกมากที่ต้องทำในเกาหลี ทำไมถึงต้องไปสนใจตลาดต่างประเทศด้วย แต่คิมคิดตรงกันข้าม สำหรับคิมแล้ว อะโทมี่คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่พลิกชีวิตของเขาให้กลับตาลปัตร และยังมีอีกหลายคนในต่างประเทศที่กำลังมองหาโอกาสพลิกชีวิตของตนเองเช่นกัน การได้แบ่งปันเรื่องราวของอะโทมี่ให้คนเหล่านั้นได้รับรู้ คือการหยิบยื่นโอกาสให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้น "พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จเพียงเพราะได้รับข้อมูลและการสนับสนุนจากพวกเรา แต่เราต้องช่วยให้เขาตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของอะโทมี่ เพื่อที่พวกเขาจะได้มุ่งมั่นกับธุรกิจนี้"

น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ที่รู้ซึ้งถึงคุณค่าที่แท้จริงของอะโทมี่ยังอยู่ในเกาหลีเท่านั้น เป็นเรื่องยากที่จะให้สมาชิกชาวเกาหลีเดินทางไปต่างประเทศเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อช่วยให้คนอื่นได้ตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของอะโทมี่ นั่นคือเหตุผลที่อิมพีเรียลมาสเตอร์ คิม อยากเดินทางไปต่างประเทศให้มากขึ้นในอนาคต สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปมากมายนับตั้งแต่วันที่คิมต้องอยู่อย่างปากกัดตีนถีบ แต่ในตอนนี้นัยน์ตาของเขามีแต่ประกายแห่งความจริงใจ ภาพที่เขาเห็นในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสำนักงานสาขาแห่งที่ 7 ในต่างประเทศ ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของเขา ภาพที่ดวงตา 7,000 คู่จ้องมองมาที่เขาขณะอยู่บนเวทีคือสิ่งที่คิมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในเกาหลี เขาคงจะไม่สามารถลืมช่วงเวลานั้นได้ ช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ความกังวล และความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำไมคิมมีความคาดหวังอันยิ่งใหญ่สำหรับอะโทมี่ ฟิลิปปินส์ "ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีเงื่อนไขที่เหมาะสมที่จะทำให้ธุรกิจเครือข่ายประสบความสำเร็จ เพราะมีประชากรที่เป็นผู้บริโภคมากกว่า 100 ล้านคน และผู้คนที่นั่นก็มีความเป็นมิตรและชอบพูดคุยกับผู้อื่น" บางทีสภาพเช่นนี้อาจเป็นแรงจูงใจให้อิมพีเรียลมาสเตอร์ คิม สร้างโรงเรียนในฟิลิปปินส์ "พื้นที่รวมทั้งหมดของโรงเรียนคือ 24,793 ตารางเมตรและมีพื้นที่ใช้สอย 2,644 ตารางเมตร การก่อสร้างจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม ปีหน้า และโรงเรียนจะเริ่มเปิดสอนในปีถัดไป"

คิม ซอง อิล ชายผู้น่านับถือ

ความฝันของ อิมพีเรียลมาสเตอร์ คิม ซอง อิล คือการเป็นคนที่ได้รับการยอมรับนับถือ "ผมอยากใช้ชีวิตที่มีคนยอมรับนับถือ ชีวิตที่ไม่มีเรื่องให้ละอายใจและชีวิตที่สง่างาม บางคนอาจจะเข้ามาพูดเอาใจผมด้วยถ้อยคำเหล่านี้ แต่เพราะผมเคยพูดเรื่องนี้ไปหลายครั้งในการบรรยาย บางทีคนเหล่านั้นอาจจะนึกถึงผมเมื่อพวกเขาได้ยินวลี ‘ชายผู้น่านับถือ’ (หัวเราะ) อันที่จริง คิมเป็นคนขี้อายโดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมาก เมื่อเขาต้องปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน นั่นคือเหตุผลที่เขากล่าวว่าเขาอยากจะเป็นคนที่น่านับถือ นอกจากนี้ คิมยังไม่ใช่คนใส่ใจในรายละเอียดมากนัก ในบางครั้ง หลายๆ คนรวมถึงหุ้นส่วนของเขาจึงรู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจ คำกล่าวข้างต้นจึงเป็นเหมือนการให้คำมั่นกับตัวเองที่ว่า เขาจะกลายมาเป็นผู้ที่น่านับซึ่งนึกถึงผู้อื่นโดยใส่ใจในรายละเอียด

สิ่งที่คิมอยากจะบอกคนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจอะโทมี่นั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร นั่นคือ "อย่ายอมแพ้!" เขาบอกว่าคุณต้องไม่ยอมแพ้ "ในตอนแรก คนส่วนใหญ่จะรู้สึกตื่นเต้นเพราะพวกเขามีความสุขดีอยู่แล้ว ความรู้สึกนี้จะทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังอย่างรวดเร็วและยอมแพ้กับอะโทมี่ ผมแนะนำให้คุณกำหนดลำดับเวลาให้กับตัวเองและทุ่มเททุกอย่างเท่าที่ทำได้ภายในกรอบเวลานั้น" คุณต้องสละเวลาเพื่อจะประสบความสำเร็จในอะโทมี่ ถ้าคุณสละเวลามากพอและเดินหน้าไปทีละขั้น คุณจะได้ลิ้มรสความสำเร็จที่เกินกว่าที่คุณจินตนาการไว้ อย่างไรก็ตาม วินาทีที่คุณยอมแพ้ ความมุ่งมั่นและพลังงานทั้งหมดของคุณจะมลายหายไปดังเช่นฝุ่นผง

สิ่งที่คิมอยากจะบอกคนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจอะโทมี่นั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร นั่นคือ "อย่ายอมแพ้!" เขาบอกว่าคุณต้องไม่ยอมแพ้ "ในตอนแรก คนส่วนใหญ่จะรู้สึกตื่นเต้นเพราะพวกเขามีความสุขดีอยู่แล้ว ความรู้สึกนี้จะทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังอย่างรวดเร็วและยอมแพ้กับอะโทมี่ ผมแนะนำให้คุณกำหนดลำดับเวลาให้กับตัวเองและทุ่มเททุกอย่างเท่าที่ทำได้ภายในกรอบเวลานั้น" คุณต้องสละเวลาเพื่อจะประสบความสำเร็จในอะโทมี่ ถ้าคุณสละเวลามากพอและเดินหน้าไปทีละขั้น คุณจะได้ลิ้มรสความสำเร็จที่เกินกว่าที่คุณจินตนาการไว้ อย่างไรก็ตาม วินาทีที่คุณยอมแพ้ ความมุ่งมั่นและพลังงานทั้งหมดของคุณจะมลายหายไปดังเช่นฝุ่นผง

คิม ซอง อิลก็เคยเป็นแค่เพียงมนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนหนึ่ง เขาเคยพบกับจุดต่ำสุดในชีวิตมาก่อน หลงทางอยู่ในความมืด และคิดว่าความหวังเป็นเพียงสิ่งลวงตา แต่ในตอนนี้เขากลายมาเป็นผู้นำระดับโลกของอะโทมี่ คิมใช้ชีวิตเหมือนรถไฟเหาะ ตอนนี้เขาสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า "จงปล่อยความคิดให้ว่างและโยนความละโมบทิ้งไป ถ้าคุณสามารถขจัดความคิดแบบเหมารวมได้และมองโลกด้วยใจที่เปิดกว้าง คุณก็จะได้พบกับอะโทมี่"

อิมพีเรียลมาสเตอร์ คิมซองอิล เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา และเคยมีชีวิตที่ต่ำต้อยและมืดมน ชนิดที่ว่าการมีความหวังยังเป็นสิ่งที่หรูหราเกินไป และตอนนี้เขากลายเป็นโกลบอลลีดเดอร์ของอะโทมี่ที่สามารถไปได้ทั่วโลก เขาใช้ชีวิตที่เหมือนละครมา เขาสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า "จงเรียนรู้ตนเองและทิ้งความโลภ ถ้าคุณมองโลกด้วยใจที่เปิดกว้างและทิ้งมุมมองเดิม คุณจะเห็นอะโทมี่" 

คำพูดสั้นๆ ที่อธิบายถึงอะโทมี่

‘จุดเปลี่ยนของชีวิต’

คีย์เวิร์ดของ ความสำเร็จของอะโทมี่

01 ขจัดความคิดแบบเหมารวมของคุณ

02 กำจัดความโลภในตัวคุณ

03 อย่ายอมแพ้

ถ้าฉันไม่ได้ทำธุรกิจอะโทมี่

ตอนนี้ผมยังคงเป็นแค่คนขับรถ

สิ่งที่ยังไม่ได้ทำและอยากทำในชีวิต

01. ไต่ไปให้ถึงจุดที่สูงที่สุดในโลก

02. เดินทางไปเที่ยวกับครอบครัวด้วยรถบ้าน

ในช่วงเริ่มแรก ไม่มีใครคิดว่าธุรกิจนี้จะใหญ่โตถึงเพียงนี้ แต่ในวันนี้ อะโทมี่ได้กลายเป็นธุรกิจที่ผู้คนสามารถวาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น แม้แต่คนอย่างผมที่มีข้อมูลจำกัด ก็ยังมองเห็นฝันอันสวยหรูที่กลายเป็นจริงได้

Imperial Master Seong-Il Kim's Key Point

ข้อ 1 การใช้ชีวิต

ใช้ชีวิตแบบไม่มีอะไรที่ต้องละอายใจ

"ผมเคยใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าละอายใจ ชีวิตที่ผมไม่สามารถแม้แต่จะบอกชื่อผมให้คนอื่นรู้จักได้ ผมเกลียดช่วงเวลาที่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลีกหนีไปจากคนรู้จัก นั่นคือเหตุผลที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจ ไม่มีเรื่องให้ต้องรู้สึกละอายใจ และตอนนี้ความฝันของผมก็เป็นจริงแล้ว

ข้อ 2 ความรัก

ส่งต่อความรักที่ผมได้รับมา

"ผมเคยอยากทำอาชีพที่ผมสามารถทำได้ เพื่อครอบครัวอันเป็นที่รักของผม ผมยังจำได้เมื่อตอนที่แม่บอกกับผมว่า ‘ลูกทำได้ดีแล้ว’ เมื่อครั้งผมได้เลื่อนขั้นเป็นอิมพีเรียลมาสเตอร์ ตอนนี้ ผมจึงอยากจะแบ่งปันความรักที่ได้รับมาให้แก่ครอบครัว หุ้นส่วน และคนที่ด้อยโอกาสกว่าผม"

ข้อ 3 การเรียนรู้

เรียนรู้ที่จะเป็นฮีโร่ในชีวิตจริง

"ตั้งแต่ได้รู้จักกับอะโทมี่ ผมก็ได้เรียนรู้ที่จะเป็นฮีโร่ในชีวิตตัวเอง ผมยังได้ชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยยอมแพ้ กลับคืนมาอีกด้วย ผมได้พบกับพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ แล้วตอนนี้ผมก็สามารถรับผิดชอบดูแลแม่ที่เคยช่วยจัดการเรื่องยุ่งๆ ให้ผมมาโดยตลอด ผมได้เกิดใหม่เป็นชายที่น่านับถือในครอบครัว

ข้อ 4 ชีวิตการทำประโยชน์

การสร้างโรงเรียน

"ผมกำลังสร้างโรงเรียนที่ฟิลิปปินส์ การสนับสนุนทางการเงินเป็นสิ่งที่ดี แต่ผมคิดว่าการให้โอกาสทางการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า เพื่อที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ที่จะเอาชนะปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง ขณะที่เริ่มสร้างโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นในฟิลิปปินส์ ผมก็วางแผนจะสร้างโรงเรียนต่อไปเรื่อยๆ ตราบที่สถานการณ์จะอำนวย

เนื้อหาในนิตยสาร เช่น ตำแหน่งนั้นเป็นข้อมูลของ THE ATOMIANS 2019 (ตีพิมพ์เดือนพฤษภาคม 2019)