컨텐츠 바로가기 영역
주메뉴로 바로가기
본문으로 바로가기

ข่าว

อะโทมี่ อินโดนีเซีย มุ่งเป้าที่จะเป็นหนึ่งใน 10 บริษัทจัดจําหน่ายชั้นนําที่มี “Ayo Ayo Bisa”
  • ผู้เขียน강주리_global
  • วันเวลาที่สร้าง2021.11.02 10:28

อะโทมี่ อินโดนีเซีย

มุ่งเป้าที่จะเป็นหนึ่งใน 10 บริษัทจัดจําหน่ายชั้นนําที่มี

“Ayo Ayo Bisa”

อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 100% ซึ่งกระตุ้น GSGS

ทั้งนี้ อะโทมี่เริ่มดําเนินงานในประเทศอินโดนีเซีย ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018 นโยบายคุณภาพยอดเยี่ยมในราคาย่อมเยา (Absolute Quality Absolute Price) เริ่มแพร่หลายในอินโดนีเซีย ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 1.9 ล้านตารางกิโลเมตรและมีประชากรมากกว่า 276 ล้านคน สามปีต่อมาในเดือนกันยายน 2021 อะโทมี่ อินโดนีเซีย ตั้งเป้าที่จะเป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายท็อปเท็นที่ตะโกนว่า “Ayo! Ayo! Bisa!!!!!” (ไปกันเถอะ ไปกัน ลงมือเลย)


1


การสื่อสารกับสมาชิกมีความสําคัญสูงสุด
ซอง-จอน คิม (Sung-jeon Kim) กรรมการผู้จัดการอะโทมี่ อินโดนีเซีย ดําเนินกิจการสาขานี้โดยเน้นที่รากฐานของการสื่อสาร ในระหว่างงานแกรนด์โอเพนนิ่งในปี 2018 เขาระบุว่าจะเป็นผู้นําอะโทมี่ อินโดนีเซีย ในการสื่อสารกับบรรดาสมาชิกโดยกล่าวว่า “การขาดการสื่อสารอาจทําให้เกิดความเข้าใจผิดและเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโต เราจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่นโดยผ่านการสื่อสารอย่างกระตือรือร้นกับบรรดาสมาชิก” เพื่อสื่อสารกับบรรดาสมาชิก อะโทมี่ อินโดนีเซียจึงจัดการประชุมกับผู้นําอย่างสม่ำเสมอเพื่อทําความเข้าใจความคิดและความต้องการของพวกเขา แต่ขณะนี้ไม่สามารถจัดการประชุมแบบพบหน้ากันได้เนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดครั้งใหญ่ ด้วยเหตุนี้การสื่อสารจึงเกิดขึ้นเป็นประจําผ่านทางการประชุมผู้จัดการผ่านศูนย์ออนไลน์, กลุ่มหวหน้าศูนย์การเรียนรู้ และ Whatsapp สัปดาห์ละสองครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประชุมหัวหน้าศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์ยังเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนและประสานงานเกี่ยวกับนโยบายที่สําคัญของสาขา และมีบทบาทสําคัญในการสร้างความไว้วางใจระหว่างสมาชิกกับทางสาขา ด้วยการสื่อสารดังกล่าว อะโทมี่ อินโดนีเซียจึงกําลังเติบโตอย่างมาก ยอดขายของสาขาแห่งนี้เพิ่มขึ้นเกินสองเท่าจาก 3,000 ล้านวอนในปี 2018 เป็น 8,600 ล้านวอนในปี 2019 และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเป็น 16,700 ล้านวอนในปี 2020 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ยอดขายพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 14,800 ล้านวอน หรือเพิ่มขึ้น 170% จากช่วงเดียวกันในปี 2020 กล่าวง่าย ๆ ก็คือ อัตราเติบโตเฉลี่ยในช่วงสามปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2021 นั้นสูงกว่า 100% ปัจจัยหลักเบื้องหลังการเติบโตนี้ก็คือ ความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างบรรดาสมาชิกกับอะโทมี่ อินโดนีเซีย ด้วยเหตุนี้ สมาชิกจึงมีความมั่นใจและมุ่งมั่นในธุรกิจของตน ในขณะที่สํานักงานสาขาก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้การสนับสนุนพวกเขา

การสัมมนา “ชาวอะโทเมี่ยน 100%” นั้นให้ผลดีเกินกว่าที่คาดหวัง
แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในอินโดนีเซียจะไม่เอื้อก็ตาม ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดงานสัมมนาในหลายพื้นที่ เพราะอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีเกาะต่าง ๆ มากที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่กว้างใหญ่คิดเป็น 20 เท่าของพื้นที่ของเกาหลีใต้ มีหลายกรณีที่บรรดาผู้เข้าร่วมงานสัมมนาต้องใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบิน 2.5 ชั่วโมง ตามมาด้วยการเดินทางโดยรถยนต์อีก 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ไม่นับรวมความยากลำบากในการจัดหาอุปกรณ์สําหรับการสัมมนาในพื้นที่ที่อยู่นอกกรุงจาการ์ตา ในปี 2019 อะโทมี่ อินโดนีเซียได้จัดการสัมมนาอย่างเต็มที่ตลอดทั้งปี ผลที่ได้ก็คือ การจัดงานวันเดย์ เซมินาร์ 30 ครั้ง และซัคเซส อะคาเดมี่ 11 ครั้งที่จัดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ 10 แห่ง ได้แก่ จาการ์ตา สุราบายา เมดัน และบันดุง โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากกว่า 13,700 คน สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในปี 2020 ทำให้ความพยายามทั้งหมดเหล่านี้ดูเหมือนจะสูญเปล่า อย่างไรก็ตาม พนักงานอะโทมี่ อินโดนีเซียได้มารวมกันเพื่อเริ่มการสัมมนาออนไลน์ทาง YouTube และ Facebook ในปี 2020 มีการจัดงานสัมมนาออนไลน์ทั้งสิ้น 48 ครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา ได้มีการจัดงานสัมมนา “ชาวอะโทเมี่ยน 100%” ขึ้นเป็นประจำทุกเดือนสําหรับสมาชิกที่ต้องการจะมุ่งเน้นธุรกิจของอะโทมี่ ประสิทธิภาพที่ได้นั้นเหนือความคาดหมาย สมาชิกที่ไม่สามารถเข้าร่วมการสัมมนาแบบออฟไลน์ได้ เนื่องจากข้อจํากัดด้านภูมิศาสตร์ ก็สามารถเข้าร่วมการสัมมนาออนไลน์ได้ ด้วยเหตุนี้ จํานวนสมาชิกที่เข้าร่วมการสัมมนาจึงมีจำนวนมากกว่า 45,800 รายในปี 2020 หรือมากกว่าสามเท่าเมื่อเทียบกับปี 2019 สําหรับอะโทมี่ อินโดนีเซียแล้ว สถานการณ์โควิด-19 นอกจากจะเป็นวิกฤติการณ์ ยังเป็นโอกาสใหม่ด้วย ในปีนี้ บรรดาผู้นําเริ่มเข้ารับการฝึกอบรมการพูดที่จัดขึ้นทางออนไลน์ โดยร่วมมือกับสถาบัน Public Speaking Academy ทั้งนี้เพื่อพัฒนาทักษะการนําเสนองานในงานสัมมนา ทักษะการสื่อสารในการประชุม และทักษะการบรรยาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีความสําคัญต่อธุรกิจของอะโทมี่ พูตรี (Putri) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของอะโทมี่ อินโดนีเซีย กล่าวว่า “จนถึงขณะนี้ มีสมาชิกจำนวน 74 คนที่ได้รับการฝึกอบรม และนําเอาวิดีโอการบรรยายจากสมาชิก 24 คนมาใช้ในการสัมมนาออนไลน์ มีการตอบสนองด้วยดีในส่วนที่สมาชิกบางรายจัดโปรแกรมการฝึกอบรมบน Zoom เพื่อนำความรู้เชิงปฏิบัติการที่พวกเขาได้รวบรวมไว้จากการฝึกอบรมเรื่องการพูด มาถ่ายทอดให้แก่บรรดาพาร์ทเนอร์”

อะโทมี่ เฮโมฮิมและกลยุทธ์ GSGS ช่วยเร่งการเติบโต
ในเดือนสิงหาคม 2020 อะโทมี่ อินโดนีเซียได้เปิดตัวอะโทมี่ เฮโมฮิมอย่างเป็นทางการ แม้ว่าในตอนแรกทางสาขาตั้งใจจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้พร้อม ๆ กับการเปิดตัวธุรกิจอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีอุปสรรคที่สำคัญในเรื่องกฎหมายที่เข้มงวดของอินโดนีเซียเกี่ยวกับการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เจ้าหน้าที่ของอะโทมี่ อินโดนีเซีย คนหนึ่งได้เล่าถึงสถานการณ์ในเวลานั้นว่า “เราได้ยื่นจดทะเบียนเป็นครั้งที่สองในเดือนตุลาคม 2018 และครั้งที่สามในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคมากมายเกี่ยวกับการขออนุมัติด้านเภสัชภัณฑ์”
หลังการตรวจสอบที่สำคัญครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2019 ได้มีการขอผลการทดสอบเพิ่มเติม เนื่องจากส่วนผสมของสมุนไพร เช่น ตังกุย, โกฐหัวบัว และสารสกัดดอกโบตั๋น ซึ่งมีการนำมาใช้เป็นครั้งแรกในอินโดนีเซีย เมื่อเราใกล้จะส่งผลการทดสอบระยะเวลาหนึ่งเดือน ก็เกิดการระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก หน่วยงานควบคุมด้านอาหารและยาแห่งชาติของอินโดนีเซีย (National Agency for Drug and Food Control of Indonesia) ได้ปิดทำการชั่วคราวและเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน ส่งผลให้การตรวจสอบต้องล่าช้าออกไป ท้ายที่สุด อะโทมี่ เฮโมฮิมก็ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในอินโดนีเซีย ซึ่งล่าช้าเล็กน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในวันที่ 26 เมษายน และทางสาขาได้เริ่มขายผลิตภัณฑ์นี้ในเดือนสิงหาคมเพราะต้องดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ ในการนำเข้า รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ด้วยการเปิดตัวอะโทมี่ เฮโมฮิม ทางอะโทมี่ อินโดนีเซียจึงคาดหวังว่าจะมีฐานผู้บริโภคในท้องถิ่นและยอดขายจะสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยใหม่ที่กระตุ้นการเติบโต สมาชิกอะโทมี่ อินโดนีเซียที่คุ้นเคยดีกับอะโทมี่ เฮโมฮิม ต่างก็มีความคาดหวังสูง มาร์ดี (Mardi) ไดมอนด์มาสเตอร์ของอะโทมี่ อินโดนีเซีย กล่าวว่า “เรารอการเปิดตัวอะโทมี่ เฮโมฮิมมาเป็นเวลานาน” เพื่อให้แน่ใจว่า “อะโทมี่ เฮโมฮิม จะเป็นผลิตภัณฑ์ขายดีที่สุดในอินโดนีเซีย” และก็เป็นไปตามความคาดหวัง ยอดขายในปี 2020 เพิ่มขึ้นมากกว่า 94% เมื่อเทียบกับปี 2019 เป็น 16,700 ล้านวอน ซึ่งเป็นการยืนยันถึงผลกระทบที่สําคัญจากการเปิดตัวอะโทมี่ เฮโมฮิม อะโทมี่ อินโดนีเซียวางแผนที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับตําแหน่งของสาขาในประเทศนี้ผ่านการขยายกลยุทธ์ GSGS ในอนาคต การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเป้าไปที่ความต้องการของผู้บริโภคในอินโดนีเซียโดยตรง (โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์อาหารในปี 2022) คาดว่าจะมีสัดส่วนถึง 25% ของยอดขายทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ทางสาขาจึงมีแผนที่จะวางตําแหน่งตนเองในฐานะบริษัทที่ทำการสํารวจและส่งออกผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมในราคาย่อมเยา (Absolute Quality Absolute Price) ซึ่งก้าวไปไกลกว่าบริษัทที่นําเข้าและขายสินค้าเท่านั้น ซอง-จอน คิม กรรมการผู้จัดการอะโทมี่อินโดนีเซีย กล่าวว่า “การเปิดตัวอะโทมี่ เฮโมฮิมเป็นความช่วยเหลือที่ดีเยี่ยมสําหรับธุรกิจของสมาชิกของเราและเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของอะโทมี่ อินโดนีเซีย” “นอกจากอะโทมี่ เฮโมฮิมแล้ว การขยายผลิตภัณฑ์ GSGS จะเพิ่มศักยภาพให้แก่ธุรกิจของสมาชิกของเรามากขึ้น” เขาเสริม

1
เวิร์กช็อปหัวหน้าศูนย์การเรียนรู้อินโดนีเซีย (พฤศจิกายน 2019)



แนวโน้มยอดขายของอะโทมี่ อินโดนีเซีย
(หน่วย: 100 ล้านวอน)



เป้าหมายในการครองอันดับบริษัทจัดจําหน่ายระดับท็อปเท็นในอินโดนีเซียภายใน 10 ปี
และ
ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าระดับโลก
ซอง-จอน คิม กรรมการผู้จัดการอะโทมี่ อินโดนีเซีย

: “เราจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทจัดจําหน่ายท็อปเท็นในอินโดนีเซียภายใน 10 ปี” นี่คือคําประกาศที่กล้าหาญของซอง-จอน คิม ผู้กรรมการผู้จัดการอะโทมี่ อินโดนีเซีย เขาไม่ได้หมายถึงบริษัทจัดจําหน่ายท็อปเท็นในอุตสาหกรรมนี้เท่านั้น แต่หมายถึงบริษัทท็อปเท็นในบรรดาธุรกิจจัดจําหน่ายทั้งหมด โดยที่บริษัทต้องได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งเป็นไปได้อย่างแน่นอนเมื่อคำนึงถึงอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของอะโทมี่ อินโดนีเซีย ที่สูงกว่า 100% นับตั้งแต่เริ่มเปิดทำการจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม กรรมการผู้จัดการ ซอง-จอน คิม เชื่อว่าการเติบโตของอะโทมี่ อินโดนีเซียไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังทั้งหมด “กล่าวได้เป็นไปตามแผนเพียง 60% ของแผนเดิม เนื่องจากอะโทมี่ เฮโมฮิม ได้รับการจดทะเบียนช้ากว่าที่คาดไว้ และข้อได้เปรียบด้านการขายตรงก็มีอุปสรรคจากสถานการณ์โควิด-19” อย่างไรก็ตาม เขาได้พิจารณาถึงความรับรู้ของคนอินโดนีเซียที่มีต่ออะโทมี่และผลิตภัณฑ์อะโทมี่ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งพวกเขาได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เปิดกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นสัญญาณเชิงบวกว่าผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกของอะโทมี่เริ่มคุ้นเคยกับอะโทมี่และผลิตภัณฑ์อะโทมี่มากขึ้น "เราจะพยายามส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีกว่าความคาดหมายผ่านการตลาดเชิงรุก" เขาย้ำ อะโทมี่ เฮโมฮิม ซึ่งเริ่มขั้นตอนการจดทะเบียนในปี 2017 นั้น ไม่คาดว่าจะได้รับการจดทะเบียนในท้ายที่สุดในเดือนพฤษภาคม 2020 หลังจากผ่านไปสามปี แม้จะทราบกันอยู่แล้วถึงข้อกำหนดที่เข้มงวดในการจดทะเบียนของหน่วยงานควบคุมยาและอาหารแห่งชาติของอินโดนีเซีย (National Agency for Drug and Food Control of Indonesia) แต่ยังมีความซับซ้อนอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดกระบวนการ เช่น ตัวแปรที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด “สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการจดทะเบียนอะโทมี่ เฮโมฮิม มีบางครั้งที่เราถึงกับจะยกเลิกคำขอแล้ว” แต่ดังคำกล่าวที่ว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ในที่สุด อะโทมี่ เฮโมฮิมก็ได้รับการเปิดตัวอย่างประสบความสําเร็จ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายนานัปการ ผลิตภัณฑ์นี้ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักของอะโทมี่ อินโดนีเซียไปแล้ว เมื่อมองถึงอนาคต กรรมการผู้จัดการ ซอง-จอน คิมวางแผนที่จะพัฒนากลยุทธ์ GSGS ให้เติบโตในอีกส่วนหนึ่ง เป้าหมายสำคัญของเขาคือการสํารวจและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียที่แตกต่างจากผู้บริโภคชาวเกาหลี เขากล่าวว่า "GSGS เป็นกุญแจสําคัญที่เรากำลังมุ่งเน้นในขณะนี้ ผลิตภัณฑ์ GSGS จะมีสัดส่วนประมาณ 20% ถึง 30% ของยอดขายทั้งหมด" วิถีของคนอินโดนีเซียนั้นแตกต่างจากวัฒนธรรมที่รีบเร่งของเกาหลีโดยสิ้นเชิง โดยเน้นความสบาย ๆ มากกว่า ดังนั้นเราจึงไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน การสร้างความเชื่อถือจะนำไปสู่โอกาสในการเติบโตที่มั่นคงในระยะกลางถึงระยะยาว ด้วยจํานวนประชากร 270 ล้านคนและสัดส่วนอํานาจการซื้อที่สูงกว่าเกาหลี ตลาดการขายตรงของอินโดนีเซียมีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก กรรมการผู้จัดการ ซอง-จอน คิม กล่าวว่า “อะโทมี่จะก้าวไปไกลกว่าตลาดขายตรงของอินโดนีเซีย และจะแข่งขันกับบริษัทจัดจําหน่ายต่าง ๆ ผมมั่นใจว่าเราจะเป็นแนวหน้าในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าระดับโลก”


การสัมภาษณ์สมาชิก 1

อะโทมี่เป็นธุรกิจที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนชีวิตที่ “ติดลบ” ให้กลับมาอยู่ในร่องในรอย
ความสำเร็จไม่ใช่การไม่ล้มเหลว แต่หมายถึงการประสบความล้มเหลวแต่ไม่ยอมล้มเลิก
เฮนดริก ฮิดายัต (Hendrik Hidayat) ชารอนโรสมาสเตอร์

เฮนดริก ฮิดายัด ชารอนโรสมาสเตอร์ ที่เคยมีชีวิต “ติดลบ” ไปทุกด้านเมื่อเขามาเริ่มต้นธุรกิจอะโทมี่ เขาถูกไล่ออกจากงานที่มั่นคงและต้องหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบากด้วยการเป็นคนขับรถแท็กซี่ และตอนนั้นเองที่เขาได้พบกับอะโทมี่ ซึ่งทําให้เขารู้สึกสนใจมาก “ไม่จําเป็นต้องใช้เงินทุนและไม่มีค่ารักษายอดรายเดือน ผมคิดว่าไม่มีธุรกิจไหนจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว เพื่อให้ชีวิต “ติดลบ” ของผมได้กลับมาอยู่ในร่องในรอยอีกครั้ง” หลังจากที่เริ่มต้นธุรกิจอะโทมี่ ชารอนโรสมาสเตอร์ เฮนดริก ฮิดายัด ก็ไม่เคยหันไปมองอดีตอีกเลย เขาแนะนําอะโทมี่ให้กับทุกคนที่เขารู้จัก จนเมื่อเขาเห็นว่าไม่มีใครอีกแล้วที่เขาจะเล่าถึงอะโทมี่ให้ฟังได้ เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในสวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ชารอนโรสมาสเตอร์ เฮนดริก หยิบอะโทมี่ บอดี้โลชั่น ขึ้นมาทามือและแขนของตนอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นเดินมาหาเขาและพูดคุยกับเขา ชารอนโรสมาสเตอร์ เฮนดริก จึงได้แนะนำผลิตภัณฑ์อะโทมี่และธุรกิจของอะโทมี่อย่างเป็นธรรมชาติ โดยจัดแจงสมัครให้เธอเป็นสมาชิกอะโทมี่ “ไม่ยากเลยถ้าคุณมั่นใจในความฝันของคุณ ผมเชื่อว่าผมสามารถประสบความสําเร็จกับอะโทมี่ได้ ดังนั้นผมจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล” ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความสําเร็จ แม้ว่าจะเกิดโรคระบาดใหญ่โควิด-19 แต่เฮนดริกและลูกสาวของเขาซึ่งทําธุรกิจอะโทมี่ด้วย ก็ได้รับการเลื่อนตําแหน่งเป็นชารอนโรสมาสเตอร์ในเดือนเมษายน 2021 ด้วยผลิตภัณฑ์อะโทมี่ เฮโมฮิม และวิตามินซี เขาจึงเปลี่ยนจากการทำธุรกิจแบบออฟไลน์สู่ระบบออนไลน์ และเริ่มเผยแพร่ผลิตภัณฑ์และธุรกิจของอะโทมี่ไปยังผู้คนจํานวนมากขึ้น โดยไม่ต้องคํานึงถึงเรื่องเวลาและระยะทาง เมื่อความมุ่งมั่นและความพยายามมาบรรจบกับโอกาส ซึ่งก็คือ ธุรกิจอะโทมี่ ชีวิต “ติดลบ” ที่ไม่ประสบความสำเร็จของเขาก็เริ่มดีขึ้น “ผมทำได้ ดังนั้นคนอื่น ๆ ก็ต้องทำได้เช่นกัน ความสำเร็จไม่ใช่การไม่ล้มเหลว แต่หมายถึงการประสบความล้มเหลวแต่ไม่ยอมล้มเลิก” ชารอนโรสมาสเตอร์ เฮนดริก กล่าวย้ำ


การสัมภาษณ์สมาชิกอะโทมี่ 2

เริ่มต้นธุรกิจอะโทมี่ด้วยความมุ่งมั่นล้วน ๆ
และทำความรู้จักกับอิมพีเรียลมาสเตอร์
บินให้สูงท่ามกลางลมพายุของสถานการณ์โควิด-19
ชารอนโรสมาสเตอร์ อพรินดา แอล มานสะวัน (Aprinda L. Mansawan)

เมื่อชารอนโรสมาสเตอร์ อพรินดา ได้รับการแนะนําให้รู้จักกับอะโทมี่เป็นครั้งแรกในปี 2018 สิ่งเดียวที่เธอมีก็คือความมุ่งมั่น คุณแม่ของเธอใช้เวลาสี่เดือนในการพูดคุยกับเธอเกี่ยวกับอะโทมี่ และแม้ว่าอพรินดาจะไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ เลยของอะโทมี่ แต่เธอก็สนใจกับคติพจน์บริษัท ตอนนั้นเธอเปิดร้านขนมเล็ก ๆ แต่ชีวิตก็ยุ่งวุ่นวายเพราะเคยล้มเหลวจากการทำธุรกิจเมื่อสองสามปีก่อน เพราะเหตุนี้ เธอจึงได้แต่ถือขวดผลิตภัณฑ์เปล่าและแวะเวียนไปตามบ้านเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์อะโทมี่ "ฉันไม่มีเงิน แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ฉันเดินเคาะประตูบ้านเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์อะโทมี่ในทุกที่ที่ฉันไป รวมถึงตามบริษัทด้วย ฉันไปประชุมทุกวันเพื่อพยายามและโน้มน้าวให้คนอื่น ๆ เกิดความมั่นใจในอะโทมี่” เธอไม่คิดว่าการทำแบบนี้เป็นเรื่องยาก ทุกอย่างที่เธอทำคือแรงกระตุ้นในการมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์เช่นเดียวกันกับอะโทมี่ แม้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ และสร้างความลำบากทางเศรษฐกิจให้กับเธอเช่นเดียวกับหลาย ๆ คน รวมไปถึงความกังวลในเรื่องสุขภาพ แต่เธอก็ผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ด้วยการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และโซเชียลมีเดีย และเธอได้เปลี่ยนธุรกิจจากออฟไลน์มาเป็นออนไลน์ "ยิ่งลมพัดแรง ว่าวยิ่งลอยสูง" กลายเป็นคติพจน์ของชารอนโรสมาสเตอร์ อะพรินดา ไปแล้ว "คุณต้องมีความมุ่งมั่นในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ความมุ่งมั่นจะทำให้สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้นั้น เกิดขึ้นได้จริง” อย่างไรก็ตาม สำหรับเธอแล้ว ธุรกิจนี้ไม่ได้มีแต่อุปสรรคเพียงอย่างเดียว แต่อะโทมี่ยังมอบความสุขให้แก่ชารอนโรสมาสเตอร์ อะพรินดาด้วยเช่นกัน ที่มาของความสุขก็เช่น การที่แม่ของเธอภูมิใจในตัวลูกสาวที่สามารถบรรลุความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ หรือการที่ลูก ๆ ของเธอสามารถทําในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ และพาร์ทเนอร์ของเธอติดต่อเธอโดยบอกว่าพวกเขาได้ใช้ผลิตภัณฑ์อะโทมี่ซึ่งช่วยสนับสนุนธุรกิจของพวกเขาได้เป็นอย่างดี “หลายคนต้องการประสบความสําเร็จ แต่ฉันคิดว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ฝันถึงการประสบความสําเร็จร่วมกับผู้อื่น ฉันจะพยายามมองหาผู้ที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายเดียวกันอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้พวกเขามาเป็นพาร์ทเนอร์ของฉันและพยายามที่จะก้าวไปสู่การเป็นอิมพีเรียลมาสเตอร์ด้วยกัน”


บรรณาธิการ: ยอง-มิน ลี



TOP

อะโทมี่ ฮับ

ออฟฟิศของฉันในแต่ละภูมิภาค
ถ้าคุณเลือกภูมิภาคที่ต้องการ หน้านี้จะไปที่ออฟฟิศของฉัน

กรุณาเลือกวิธีในการสมัคร

    • เกาหลี

    • ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนเกาหลี ชที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในเกาหลี, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในต่างประเทศ (อินเดีย, ฮ่องกง)
    • สหรัฐอเมริกา

    • ผู้ที่ถือบัตร SSN (Social Security Number) ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • ญี่ปุ่น

    • ชาวญี่ปุ่นที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในญ๊่ปุ่น
    • แคนาดา

    • ผู้เป็นพลเมืองแคนาดาอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักถาวรในแคนาดา
    • ไต้หวัน

    • ชาวไต้หวันที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในไต้หวัน
    • สิงคโปร์

    • ชาวสิงค์โปรที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักถาวรในสิงค์โปร
    • กัมพูชา

    • ชาวกัมพูชาที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในกัมพูชา, นิติบุคคล
    • ฟิลิปปินส์

    • ชาวฟิลิปปินส์ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักถาวรในฟิลิปปินส์, ผู้ถือวีซ่าเกษียณอายุพำนักถาวรพิเศษ (SRRV)
    • มาเลเซีย

    • ชาวมาเลเซียที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักอาศัยถาวร
    • เม็กซิโก

    • ผู้ถือ CURP ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในต่างประเทศ (โคลอมเบีย, บราซิล, อาร์เจนติน่า, เปรู, กัวเตมาลา, ชิลี, โบลิเวีย)
    • ไทย

    • ชาวไทยที่มีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • ออสเตรเลีย

    • ผู้ถือสัญชาติออสเตรเลียและผู้พำนักอาศัยระยะยาว, ผู้ถือวีซ่าอนุญาตทำงาน Work Permit Visa (รวมถึงวีซ่า Working Holiday )
    • อินโดนีเซีย

    • ผู้ถือสัญชาติอินโดนีเซียที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • รัสเซีย

    • ชาวรัสเซีย (ผู้พำนักอาศัย) ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในต่างประเทศ (ยูเครน, เบลารุส)
    • ประเทศจีน

    • สมาชิกผู้บริโภค : อายุ 22 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
      สมาชิกนักธุรกิจ : บริษัทจำกัด, ห้างหุ้นส่วน, ธุรกิจเจ้าของคนเดียวหรือธุรกิจส่วนตัวที่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายในประเทศจีน
    • โคลอมเบีย

    • พลเมืองโคลอมเบียอายุ 18 ปีขึ้นไปผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในโคลอมเบีย
    • ฮ่องกง

    • ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนฮ่องกงอายุ 20 ปีขึ้นไป
    • อินเดีย

    • ผู้ที่มีสัญชาติอินเดีย, ผู้ถือบัตร PAN, อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, รัฐมหาราษฏระ : อายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • นิวซีแลนด์

    • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้พำนักอาศัยในนิวซีแลนด์
    • ตุรกี

    • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนตุรกี, ผู้พำนักอาศัยระยะยาวใน
    • อังกฤษ

    • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้พำนักอาศัยในอังกฤษ
    • คาซัคสถาน

    • ชาวคาซัคสถานที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • คีร์กีซสถาน

    • ชาวคีร์กีซสถานที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • บราซิล

    • ผู้ถือ CPF ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีหรือผู้ประกอบการบริษัท
    • มองโกเลีย

    • ชาวมองโกเลียที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือ ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในมองโกเลีย
    • อุซเบกิสถาน

    • ชาวอุซเบกิสถานที่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป,
      ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่า B2, E วีซ่า, INV วีซ่า, หรือผู้มีสิทธิพำนักระยะยาวในอุซเบกิสถาน,
      นักธุรกิจบุคคลธรรมดาประเภทผลิตและติดตั้ง/โพสต์สื่อโฆษณา (Reklama ishlab chiqarish va joylashtirish)
    • ยุโรป

    • อายุ 18 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในสหภาพยุโรปหรือ EFTA
    • สมาชิกทั่วโลก

    • อาร์เจนตินา, อาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจาน, บังกลาเทศ, โบลิเวีย, ชิลี, คอสตาริกา, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เอกวาดอร์, เอลซัลวาดอร์, จอร์เจีย, กัวเตมาลา, มอลโดวา, เนปาล, ปานามา, ปารากวัย, เปรู, แอฟริกาใต้, ทาจิกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน, ยูเครน, เฮติ, ไนจีเรีย, นามิเบีย, บอตสวานา, บรูไน, ศรีลังกา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อิสราเอล, กานา, แกมเบีย, เลโซโท, มอริเชียส, เซเนกัล, เคนยา, แองโกลา, ตูนิเซีย, โมร็อกโก, อียิปต์, เซอร์เบีย, แอลเบเนีย
ไปยังเว็บไซต์

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยังช้อปปิ้งมอลล์

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยังแชนเนล อะโทมี่

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยังอะโทมี่ทิคเก็ต

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยัง YouTube

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยัง Facebook

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยัง Instagram

CLOSE