컨텐츠 바로가기 영역
주메뉴로 바로가기
본문으로 바로가기

ข่าว

เสวนาโต๊ะกลม | การวิเคราะห์การจัดการความยั่งยืนของอะโทมี่
  • ผู้เขียน강주리_global
  • วันเวลาที่สร้าง2023.01.11 11:03


เสวนาโต๊ะกลม | การวิเคราะห์การจัดการความยั่งยืนของอะโทมี่

100 ปีแห่งธุรกิจในอนาคตด้วยแนวคิด “Absolute Quality, Absolute Price”


อะโทมี่ก้าวขึ้นเป็นบริษัทเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งรายใหญ่ที่สุดในเกาหลีภายในเวลาเพียงสองปีหลังจากก่อตั้งบริษัทในปี 2009 ในปี 2022 ยอดขายสูงกว่า 2.25 ล้านล้านวอน (ยอดโดยประมาณ) และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องมาถึง 13 ปี โดยได้ขยายสาขาไปยัง 25 ประเทศทั่วโลก และติดอันดับหนึ่งใน 10 บริษัทขายตรงชั้นนำระดับโลก ปาร์ค ฮันกิล ประธานของอะโทมี่, อาจารย์ยุน จองกู จากสาขาบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัย Ewha Womans University และอาจารย์ชอย ยองฮง จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลี (Korea University Law School) (รวมทั้งเป็นประธานสมาคม Korean Distribution Law Association) พบว่าความยั่งยืนของอะโทมี่อยู่ที่ “ข้อได้เปรียบด้านการแข่งขัน” และ “ประโยชน์ของการมีอยู่”


1
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่สํานักงานใหญ่ของอะโทมี่ในเมืองคงจู จังหวัดชุงช็องใต้ ได้มีการจัดงานเสวนาโต๊ะกลมโดยผู้เข้าร่วมได้แก่ อาจารย์ยุน จองกู จากสาขาบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัย Ewha Womans University, ปาร์ค ฮันกิล ซีอีโอของอะโทมี่ และอาจารย์ชอย ยองฮง จากคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลี (จากด้านซ้าย)

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราพบว่า ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ไม่ยั่งยืน จากข้อมูลของคณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรม (Fair Trade Commission) นับตั้งแต่ที่ได้ก่อตั้ง Mutual Aid Cooperative Consumer (โครงการความช่วยเหลือสำหรับผู้บริโภค) และ Korea Special Sales Financial Cooperative Association (สหกรณ์การเงินด้านการขายพิเศษของเกาหลี) ขึ้นในปี 2002 จนถึงปี 2021 577 บริษัทด้านเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งได้เข้าจดทะเบียนกับคณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรมและหน่วยงานเทศบาลที่เกี่ยวข้อง แต่ปรากฏว่าอายุเฉลี่ยของบริษัทเหล่านี้อยู่ที่ 3.4 ปีเท่านั้น แต่ทว่าอะโทมี่ บริษัทเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี กําลังสร้างความมั่งคั่งให้อุตสาหกรรมนี้ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 13 ปี

ปัจจุบันอะโทมี่ดําเนินธุรกิจใน 25 ประเทศทั่วโลก ซึ่งได้แก่ เกาหลี สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร คาซัคสถาน และจีน และอื่น ๆ ด้วยจํานวนสมาชิก 15 ล้านคน ยอดขายของบริษัทจึงสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.2 ล้านล้านวอนในปี 2018, 1.9 ล้านล้านวอนในปี 2020 และ 2.25 ล้านล้านวอนในปี 2022 (ยอดโดยประมาณ) ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ ได้แก่ เครื่องสําอาง อาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงเฮโมฮิม โดยมียอดขายทั่วโลกต่อปีมากกว่า 370 พันล้านวอน นอกจากนี้ อะโทมี่ยังติดอันดับหนึ่งใน 10 บริษัทชั้นนำของ DSN Global 100 List ประจำปี 2021 ที่รวบรวมโดยนิตยสาร Direct Selling News ของสหรัฐฯ

ที่สำคัญคือ อะโทมี่เป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งที่แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนผ่านการบริหารโดยเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรม ด้วยเหตุนี้ นิตยสารฟอบส์เกาหลีจึงได้จัดงานเสวนาโต๊ะกลมเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของอะโทมี่ เป้าหมายคือ การพิจารณาว่าอะโทมี่แตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ อย่างไรในแง่กลยุทธ์การสร้างความเติบโต และอะโทมี่ได้ดำเนินการอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างผลิตภัณฑ์และโครงสร้างองค์กร

ปาร์ค ฮันกิล ประธานของอะโทมี่, อาจารย์ยุน จองกู จากสาขาบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัย Ewha Womans และอาจารย์ชอย ยองฮง จากคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลี ได้เข้าร่วมงานเสวนาโต๊ะกลมที่จัดขึ้นที่สํานักงานใหญ่ของอะโทมี่ในเมืองคงจู จังหวัดชุงชองใต้ ในวันที่ 7 ธันวาคม “ผมเริ่มทำธุรกิจโดยมีแนวคิดที่จะสร้างระบบจัดจำหน่ายที่ดีเยี่ยมของการตลาดเครือข่าย จากที่เคยได้อ่านทฤษฎีมาในหนังสือ และดูเหมือนว่าการทดลองได้เริ่มขยายตัวออกไปแล้ว เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ที่นํามาซึ่งความสําเร็จของลูกค้า และแนวคิด “สินค้าคุณภาพดี, ราคาย่อมเยา” ได้ช่วยให้เราสามารถรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนไว้ได้” ปาร์ค ฮันกิล ประธานของอะโทมี่กล่าว

“อะโทมี่สามารถประสบความสําเร็จได้โดยการจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในโครงสร้างพีระมิดของบริษัทเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งที่เป็นอยู่ ดังนั้นจึงสามารถสร้างสภาพแวดล้อมของการแบ่งปันผลกําไรได้ ถือได้ว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ชอบธรรม เนื่องจากสามารถบรรลุหน้าที่ของตนตามวัตถุประสงค์ขององค์กรได้" อาจารย์ยุน จองกู กล่าว “การจัดจําหน่ายกลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีประโยชน์ และยั่งยืนเมื่อให้ประโยชน์แก่ผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้จัดจําหน่ายด้วย อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่มีเพียงบริษัทไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ อะโทมี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแง่ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับการพยายามบรรลุวัตถุประสงค์ที่น่าชื่นชม" อาจารย์ชอย ยองฮง กล่าว งานเสวนาโต๊ะกลมนี้ดำเนินรายการโดยคุณโช ด็อกจิน (Cho Deuk-jin) บรรณาธิการใหญ่ของนิตยสารฟอบส์เกาหลี

‘กลยุทธ์การเลือกสองจากสอง’ นั่นคือทั้งคุณภาพและราคา

1
ปาร์ค ฮันกิล ประธานของอะโทมี่

ภาพจากเวที World Federation of Direct Selling Associations (สมาพันธ์การขายตรงโลก (WFDSA)) ปี 2019 ที่จัดขึ้นในเม็กซิโก ในการสัมมนา WFDSA CEO Council ที่มีบรรดาซีอีโอของบริษัทเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งต่าง ๆ ที่มียอดขายสูงกว่า 1 ล้านล้านวอนมาเข้าร่วม อาทิ Amway, Nu Skin และ Herbalife ประธานปาร์ค ได้ตั้งคำถามว่า “เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งเป็นธุรกิจที่ใหญ่จริงหรือ ผมไม่คิดแบบนั้น” "บริษัท แอมเวย์ (Amway) ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 60 ปีก่อน หลังจากนั้นราวสิบปี ก็เกิดบริษัทค้าปลีกอย่าง Walmart และไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็มี Amazon ปัจจุบัน Walmart และ Amazon กําลังแข่งขันเพื่อชิงยอดขายที่สูงถึง 600 ล้านล้านวอน แต่แอมเวย์ที่เป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง กลับมียอดขายแค่ 10 ล้านล้านวอน ดังนั้นจะยังถือว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้หรือไม่” ประธานปาร์คตั้งคำถาม และกล่าวต่อว่า “ผมไม่ได้มองว่าคุณเป็นคู่แข่ง อะโทมี่เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดยมีเจตนาที่จะแข่งขันกับร้านค้าขนาดใหญ่ ทีวีโฮมช้อปปิ้ง และร้านค้าออนไลน์บนพื้นฐานด้านคุณภาพ และราคา” ท่านเน้นย้ำวลีสำคัญที่ว่า “ประวัติศาสตร์ของเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งจะถูกเขียนขึ้นโดยอะโทมี่” อะโทมี่ ซึ่งครองอันดับที่ 20 ของ DSN Global 100 List ในช่วงเวลานั้น ได้ขยับขึ้นมาอยู่ใน 10 อันดับแรกภายในเวลาเพียงสองปี

ผู้ดําเนินรายการ:เป็นไปได้หรือที่คุณจะแข่งขันกับ Walmart

ประธานปาร์ค ฮันกิล (ต่อไปนี้ขอเรียกว่าปาร์ค ฮันกิล): “อะโทมี่มีข้อได้เปรียบตรงที่เราเป็นทั้งบริษัทเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งและบริษัทกระจายสินค้า นอกเหนือจากข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันในแง่ราคา และคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเราแล้ว เรายังมีข้อได้เปรียบด้านการมี “โอกาสในการสร้างรายได้” อีกด้วย เราแข่งขันกับบริษัทกระจายสินค้าทั่วไปในแง่นี้” หลายคนคงหัวเราะเยาะเมื่อพูดว่าจะแข่งกับ Walmart อย่างไรก็ตาม Walmart ก่อตั้งขึ้นก่อนอะโทมี่เป็นเวลา 40 ปี ถ้าอะโทมี่ยังคงเติบโตในอัตรา 15% ต่อปี ในอีก 40 ปีข้างหน้า เราก็จะสามารถขึ้นถึงระดับที่ใกล้เคียงกันได้ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้น อะโทมี่มีอัตราการเติบโตต่อปีสูงกว่า 33%

ผู้ดำเนินรายการ: ความมั่นใจนี้มาจากไหน

อาจารย์ยุน จองกู (ต่อไปนี้ขอเรียกว่า ยุน จองกู):จุดเด่นด้านการแข่งขันของอะโทมี่นั้นสามารถอธิบายได้กว้าง ๆ ว่าเกิดจากสองแนวทาง หนึ่งคือ ข้อได้เปรียบด้านการแข่งขัน อะโทมี่มีข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันในระดับชั้นนําของอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งได้มาจากการปรับปรุงกลยุทธ์ระดับพื้นฐานที่สุดอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ “สินค้าคุณภาพดี, ราคาย่อมเยา” สองคือข้อได้เปรียบในการมีอยู่ ผู้คนจํานวนมากมีความสุขกับความสําเร็จของแพลตฟอร์มอะโทมี่ ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กรที่ประกาศตนเองว่าเป็น “การสร้างประชาธิปไตยของความสำเร็จ” เราจะเห็นว่าองค์ประกอบสองอย่างนี้ของความได้เปรียบด้านการแข่งขันของอะโทมี่ ได้รับการถักทออย่างแนบสนิทเข้ากับผืนผ้าแห่งองค์กรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ

ปาร์ค ฮันกิล : เราหลีกเลี่ยงแนวทางการตลาดโดยทั่วไปที่มุ่งที่คุณภาพหรือราคาอย่างใดอย่างหนึ่ง และหันมาเลือกใช้กลยุทธ์ ‘เลือกสองจากสอง’ แทน นั่นคือการตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นทั้งคุณภาพและราคา อย่างแรกคือเรารับประกันการกําหนดราคาที่แข่งขันได้ผ่านการผลิตในปริมาณมาก อะโทมี่มีแปรงสีฟันรุ่นเดียว ซึ่งช่วยให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้นและอัปเกรดคุณภาพได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เรายังช่วยพาร์ทเนอร์ของเราลดต้นทุนด้วยการลดขั้นตอน และการจ่ายเงินล่วงหน้า พนักงานอะโทมี่สร้างยอดขายสูงกว่า 5 พันล้านวอนต่อคน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความสําเร็จในการปรับใช้ระบบอัตโนมัติมาใช้แทนการทำงานซ้ำ ๆ เท่าที่จะทำได้ และกระตุ้นให้พนักงานให้เพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน

ผู้ดำเนินรายการ: การมุ่งเน้นทั้งคุณภาพและราคาไม่ใช่เรื่องยากหรอกหรือ

ยุน จองกู:จะเห็นว่านี่เป็นผลลัพธ์ของ “ความเป็นผู้นําด้านราคา” ซึ่งเกิดจากผู้นําที่มีประสบการณ์การทำงานในไซต์การผลิต จับคู่กับระบบการจัดจําหน่ายที่มีนวัตกรรม นี่จึงเป็นการนำกลยุทธ์ “สินค้าคุณภาพดี, ราคาย่อมเยา” มาปรับใช้อย่างราบรื่น อีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนส่งเสริมก็คือ วัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะรักษามาตรฐานด้านคุณภาพ ข้อคิดที่สำคัญที่สุดก็คือ การเพิ่มมูลค่าโดยการแบ่งปันกลยุทธ์นี้กับสมาชิกธุรกิจแต่ละรายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีทั้งสมาชิกและผู้บริโภค

อาจารย์ชอย ยองฮง (ต่อไปนี้ขอเรียกว่า ชอย ยองฮง): ที่จริงแล้ว เราอาจมองว่าอะโทมี่เป็นบริษัทที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แม้ว่าบริษัทจะประกอบไปด้วยกลุ่มต่าง ๆ ที่มีสมาชิกแต่ละสังกัดอยู่ แต่บริษัทก็พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ที่น่าชื่นชม โดยใช้จุดแข็งขององค์กร ขณะเดียวกันก็สร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ด้าน ความยั่งยืนเป็นด้านหนึ่งที่สำคัญของทุกบริษัท และยิ่งสำคัญมากสำหรับบริษัทเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้ง เพราะสิ่งนี้คือผลรวมสุดท้ายของสมาชิกธุรกิจบริษัท หากบริษัทล้มละลายหรือปิดตัวลง ธุรกิจของผู้ขายแต่ละคนที่เพียรสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากก็จะสูญสิ้นไปด้วย

การบริหารที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางซึ่งได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรม

1
อาจารย์ยุน เจียง-กู จากสาขาบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัย Ewha Womans University

อะโทมี่กำลังสร้างเสียงฮือฮาในชุมชนทางการเงินด้วยการบริจาคเงินก้อนใหญ่ ในวันที่ 19 สิงหาคม อะโทมี่ และประธานปาร์ค ฮันกิล ได้บริจาคเงินฝ่ายละ 7 พันล้านวอน รวมเป็น 14 พันล้านวอนให้แก่ Compassion องค์กรระดับสากลด้านการพัฒนาเด็ก จนถึงปัจจุบัน Compassion Korea มียอดบริจาคเงินขององค์กรเป็นจำนวนถึง 30 พันล้านวอน โดยในปี 2021 มูลนิธิเคยมียอดบริจาคจำนวน 12 พันล้านวอน และต้นปี 2022 มียอดบริจาคเงินจำนวน 6 พันล้านวอน เงินบริจาคนี้นำไปใช้สําหรับการสนับสนุน และพัฒนาเด็กในประเทศต่าง ๆ ที่อะโทมี่ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจ อาทิ ไทย ฟิลิปปินส์ โคลอมเบีย บราซิล อินโดนีเซีย และเม็กซิโก รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และแอฟริกา ยอดบริจาคเงินของอะโทมี่ถือว่ามากที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่ในอุตสาหกรรมเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งเท่านั้น แต่รวมถึงอุตสาหกรรมการกระจายสินค้าทั้งหมดด้วย จากข้อมูลของ CEO Score สัดส่วนยอดการบริจาคของอะโทมี่เมื่อเทียบกับยอดขายสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 2.04% ในปี 2021 ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดในบรรดา 500 บริษัทชั้นนําในเกาหลี

ผู้ดําเนินรายการ: จิตวิญญาณของการแบ่งปันนี้มาจากไหน

ปาร์ค ฮันกิล: เราสร้างนิสัยการบริจาค ดังคำพูดเก่าแก่ที่ว่า “ความมั่งคั่งควรได้รับการกระจายอย่างเท่าเทียมดั่งสายน้ำ และคนเราก็ควรยุติธรรมดุจตาชั่ง” เงินก็เหมือนกับน้ำในแง่ที่ว่ายิ่งสะสม ก็ยิ่งสูญหาย แต่ถ้ายิ่งให้ ก็ยิ่งกลับคืนมา ซึ่งผมเชื่อว่านี่เป็นทั้งความถูกต้อง และเป็นทั้งหน้าที่ของเรา มันไม่ได้เกี่ยวกับการตอบแทนสังคม เพราะสังคมทำให้เรามีรายได้ แต่ที่จริงแล้ว เราสร้างรายได้ก็เพื่อที่จะส่งเสริมสังคมนั่นเอง เพราะองค์กรต่าง ๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ไม่ใช่องค์กรที่แยกตัวโดด ๆ หลักปรัชญาการให้ของอะโทมี่นั้นเป็นการแบ่งปันสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีอยู่ในเวลานี้ให้แก่บรรดาผู้ที่ใกล้ชิดกับเรา แทนที่จะต้องรอก่อน แล้วจึงค่อยแบ่งปันสิ่งใหญ่ ๆ ให้แก่ผู้ที่อยู่ห่างไกลออกไป

ยุน จองกู: มีคำพูดเสียดสีทั้งภายใน และนอกวงการการเงินว่า CSR (การทำกิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กร) ก็คือการทำประกันรูปแบบหนึ่ง แต่กิจกรรมด้านการกุศลของอะโทมี่นั้นกําลังขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ และแตกต่างจาก CSR ทั้งในแง่ของขนาด และสิ่งที่มุ่งเน้น คุณสามารถพูดได้ว่า นี่เป็นความรู้สึกถึงจิตวิญญาณที่แท้จริง อะโทมี่ถือว่าเป็นบริษัทที่ผู้บริหารมีเป้าหมายจริงจังที่จะแบ่งปันแก่ผู้อื่น

ผู้ดำเนินรายการ: อะโทมี่เป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองในแง่การบริหารโดยเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง คำกล่าวนี้หมายความว่าอย่างไร

ปาร์ค ฮันกิล : ในปี 2019 เราเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งในเกาหลีที่ได้รับการรับรองจาก Consumer Centered Management (CCM หรือการบริหารโดยเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง) ที่บริหารจัดการโดย Korea Consumer Agency (คณะกรรมการผู้บริโภคเกาหลี) และรับรองโดยคณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรม สิ่งนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ คนทั่วไปเคยมองว่าธุรกิจเน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นหลัก ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการอำนวยความสะดวกสูงสุดให้แก่ลูกค้าผ่านการเปลี่ยนแปลงระบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างระบบ Voice of the Customer (VOC) ทั่วโลก หรือระบบผู้ตรวจการลูกค้า (Customer Ombudsman System) ที่เน้นลูกค้าเป็นสำคัญ, การนําประมวลหลักจรรยาบรรณของพนักงานมาใช้ และการจัดฝึกอบรมแก่พนักงานทุกคนเพื่อให้คุ้นเคยกับการบริหารโดยเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา เราได้ก้าวไปไกลกว่าการได้รับการรับรองนี้ โดยเราได้รับรางวัลยกย่องจากคณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรม ปกติแล้ว ประธานกรรมการจะเข้าร่วมในพิธีการมอบรางวัลนี้ แต่ผมวางแผนที่จะเข้าร่วมด้วยตัวเองเพราะนี่เป็นรางวัลพิเศษที่มอบให้โดยประธานคณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรม (หัวเราะ)

ผู้ดําเนินรายการ: อาจารย์ชอยครับ คุณได้เคยมอบรางวัล Most Innovative Distribution Award ให้แก่อะโทมี่เมื่อครั้งที่คุณเป็นประธานสมาคม Korean Distribution Law Association ในปี 2018

ชอย ยองฮง: ในบรรดาช่องทางการกระจายสินค้าทั้งหมดในเกาหลี มีเพียงหนึ่งบริษัทเท่านั้นที่จะได้รับรางวัลนี้ในแต่ละปี รางวัลที่ผมไปมอบนั้นเป็นรางวัลประจำปีครั้งที่สอง โดยในปีก่อนหน้า รางวัลนี้ตกเป็นของ GS Retail มีการถกเถียงกันภายในสมาคมเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เราประเมินส่วนแบ่งตลาด การรับรู้ของผู้บริโภค และศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว ตอนนั้นอะโทมี่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าทุกวันนี้ และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนทั่วไปไม่ค่อยไว้ใจในบริษัทการตลาดหลายระดับชั้น อย่างไรก็ตาม สมาคมได้พิจารณาที่จิตวิญญาณในฐานะผู้ประกอบการ และหลักปรัชญาการบริหารของซีอีโอปาร์คเป็นสำคัญ และเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตทั่วโลกของบริษัท ผมยังจำคำพูดที่คุณปาร์คได้พูดไว้ตอนที่ขึ้นมารับรางวัลได้ “รางวัลนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะมุ่งมั่นต่อไปเพื่อผู้บริโภค สวัสดิภาพของพนักงาน และการมีส่วนร่วมในสังคมของเรา” เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งที่เน้นผู้บริโภคเป็นหลักของอะโทมี่นี้ อาจมองได้ว่าเป็นการสร้างประชาธิปไตยในการกระขายสินค้า โดยที่ผู้ผลิต ผู้จัดจําหน่าย และผู้บริโภคล้วนกลายเป็นเจ้าของ

นี่เป็นความปรารถนาธรรมดา ๆ ที่แสนพิเศษเพื่อความสําเร็จของทุกฝ่าย

อาจารย์ชอย ยองฮงจากคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลี
1

อาจารย์ยุน จองกู ได้ให้นิยามอะโทมี่ว่าเป็น “บริษัทที่ชอบธรรม” ในหนังสือ “The Sustainability Lab in the Age of Super Volatility, Uncertainty, Complexity and Ambiguity” ที่ตีพิมพ์ และเผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม โดยมีข้อความในบรรทัดต่อมาว่า “อะโทมี่สะท้อนถึงหลักการ EST สากลได้อย่างไร?” ซึ่งอธิบายถึงการปฏิบัติตามหลักการอันเป็นรากฐานของอะโทมี่ “บริษัทที่ชอบธรรม” ที่เขากล่าวถึงนั้น หมายถึงบริษัทที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยคํานึงถึงวัตถุประสงค์เฉพาะขององค์กรที่ปฏิญาณว่า จะร่วมพัฒนาระบบนิเวศของบริษัทเพื่อทําให้เป็นสถานทำงานที่ดีขึ้น ส่งเสริมสุขภาพมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น โดยการสร้างสรรค์ความสามารถทางวิชาชีพเพื่อสร้างสนามการแข่งขันที่ไร้การเลือกปฏิบัติ และอคติให้ได้มากที่สุด

ผู้ดำเนินรายการ: แนวคิดของบริษัทที่ชอบธรรมและการพัฒนาร่วมกันนี้ ดูเหมือนเป็นสิ่งที่เรายังไม่คุ้นเคย

ยุน จองกู: อะโทมี่แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืน โดยการเชิญชวนบรรดาลูกค้า และสมาชิกที่เข้าร่วมในระบบนิเวศของบริษัท ให้มาเป็นหัวใจสำคัญของการร่วมมือกันในงานเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในสถานประกอบการของบริษัท องค์ประกอบแรกคือนโยบายของวัฒนธรรมการเติบโตร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย “หนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งบริษัท,” การจ่ายเงินสดภายในหนึ่งสัปดาห์หลังการส่งมอบ, การซื้อวัตถุดิบเป็นจํานวนมาก หรือการสนับสนุนทางการเงินที่ไม่คิดดอกเบี้ยสําหรับเงินทุนเพื่อปรับปรุงกระบวนการ ทั้งหมดนี้คือการที่อะโทมี่ได้สนับสนุนการพัฒนาพันธมิตรของบริษัท ราวกับว่าพวกเขาเป็นเจ้าของธุรกิจเอง สองคือนโยบายการแบ่งปัน และสามคือเป้าหมายการบริหารงานขององค์กรที่มุ่งสู่ความสําเร็จของสมาชิก โดยสรุปแล้ว อะโทมี่เป็นบริษัทที่ชอบธรรม เนื่องจากบริษัทได้ร่วมพัฒนาองค์ประกอบทั้งหมดของระบบนิเวศของอะโทมี่ ซึ่งรวมถึงพาร์ทเนอร์ ผู้บริโภค และสมาชิก

ปาร์ค ฮันกิล : บรรดาบริษัทที่ตั้งขึ้นมายาวนานได้ร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศโดยรอบ เราเรียกผู้จำหน่ายของเราว่า “พาร์ทเนอร์” เพราะพวกเขา และอะโทมี่ไม่ใช่องค์กรสองแห่งที่แยกกัน แต่เป็นองค์กรเดียวกัน และเหมือนกันโดยมาผนึกกําลังกัน ไม่เพียงเท่านั้น เรายังมีระบบการฝึกอบรมสมาชิกที่หลากหลายเพื่อให้มั่นใจถึงความสําเร็จของผู้ขายของเรา ซึ่งเป็นทั้งลูกค้า และนักการตลาด อาทิ หลักสูตร ABR, วันเดย์ เซมินาร์ และซัคเซส อะคาเดมี่ ความพยายามที่จะเติบโต และร่วมกันพัฒนานี้เอง คือความลับของการรักษาอัตราผลตอบแทน 0% แม้ว่าเราจะมีนโยบายผลตอบแทนไม่จํากัดภายใน 3 เดือนซึ่งยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน นับจากที่เราได้เริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้น

ผู้ดำเนินรายการ: จะมีรายงาน ESG ออกมาในเร็ว ๆ นี้

ปาร์ค ฮันกิล : ผมอยากปรบมือให้กับ ESG ที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกธุรกิจ บริษัทไม่ควรเป็นเพียงแค่เครื่องมือในการสร้างผลกําไร แต่ควรแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึง คุณค่าในการดำรงอยู่ขององค์กรอย่างกว้างขวาง และยาวไกล ด้วยความดีความชอบของการมีอยู่ขององค์กรเป็นสำคัญ เราต้องรักษาความยั่งยืนโดยการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าการมีอยู่ของเรา ให้พนักงาน ผู้บริโภค และพาร์ทเนอร์ได้เห็น และโดยการร่วมจ่ายภาษีของเราในสัดส่วนที่ยุติธรรม บริษัทจะดำรงอยู่ได้อย่างไรถ้ามุ่งเน้นแต่ผลประโยชน์ ราวกับว่าเราคิดแต่จะเอาเปรียบ ในไตรมาสแรกของปีใหม่ เราวางแผนที่จะนําเสนอรายงาน ESG ของอะโทมี่

ชอย ยองฮง: ที่ผ่านมา การประเมินความยั่งยืนนั้นมุ่งเน้นที่แง่มุมทางการเงิน แต่ปัจจุบัน เราได้หันมามุ่งเน้นในแง่ที่บริษัทว่าจะสามารถให้ประโยชน์แก่สังคม และสิ่งแวดล้อมได้มากแค่ไหน เมื่อมองในแง่สิ่งมีชีวิต บริษัทต่าง ๆ ควรมีความรับผิดชอบในการปกป้องโลก และธรรมชาติ รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาสังคมมนุษย์ อะโทมี่กล่าวว่า การแบ่งปันเป็นสิทธิ ไม่ใช่หน้าที่ขององค์กร เราสามารถพูดได้ว่าสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนของอะโทมี่อย่างแท้จริง

ผู้ดำเนินรายการ: อะโทมี่มีระบบองค์กรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ รวมถึงความกล้าท้าทาย และการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

ยุน จองกู: อะโทมี่โดยรวมก็คล้ายกับห้องปฏิบัติการเมื่อพูดถึงวิธีการทํางานของบริษัท มีกระบวนการมากมายที่ไม่มีคำตอบกำหนดไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับการทำงาน และพวกเขาก็พยายามคิดหาคำตอบก่อนที่จะนำเสนอสิ่งเหล่านี้แก่คนอื่น ๆ และเนื่องจากยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน ประธานปาร์คจึงได้สร้างแนวคิด และผมเชื่อว่าเขาคงได้ทำการทดลองมานับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะได้คำตอบ วัฒนธรรมนี้ทําให้อะโทมี่เป็นซุปเปอร์ออแกนิซึม (Superorganism) ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระได้อย่างดีเยี่ยม

ชอย ยองฮง: เมื่อคุณดูที่องค์กรภายในของอะโทมี่ จะเห็นว่าพนักงานได้รับการมอบอำนาจในระดับสูง แม้ว่าจะมีความเสี่ยงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันตัวแทน และค่าใช้จ่ายของพวกเขา แต่ผลในแง่ดีนั้นสำคัญกว่าปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ดังกล่าว ซึ่งทําให้อะโทมี่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายพบว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา นั่นน่าจะเป็นเพราะความต้องการพื้นฐานที่จะสร้างความสำเร็จให้ทุกคน (ซึ่งมีการตกลงกันทั้งภายใน และภายนอกองค์กร) จึงทําให้อะโทมี่เป็นองค์กรพิเศษ

“บทบาทของผู้บริหารคือการแบ่งปันผลกําไร”

`
จากงานอีเวนท์ระดับท้องถิ่นในมาเลเซียที่จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน อะโทมี่ได้เปิดสาขาที่มาเลเซียในปี 2016 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมปีที่แล้ว ประธานปาร์ค ฮันกิลได้บริจาคเงินจำนวน 14 พันล้านวอนให้แก่ Compassion Korea เพื่อมอบให้แก่เด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามและต้องทุกข์ทนกับความหิวโหย / ภาพ: อะโทมี่

ผู้ดำเนินรายการ: อะไรคือกลยุทธ์สําหรับตลาดโลกและการดึงดูดคนเจเนอเรชั่น Y และ Z

ปาร์ค ฮันกิล : อะโทมี่กําลังเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล เราจะทําให้สมาชิก และผู้บริโภคสามารถเพลิดเพลินกับผลิตภัณฑ์ และบริการของอะโทมี่ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น และผมเชื่อว่าสิ่งนี้จะดึงดูดบรรดาคนรุ่นใหม่ได้อย่างแน่นอน สิ่งสําคัญคือ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงหลักการนี้ บริษัทที่ให้ความสําคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง และการกระจายสินค้าที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ย่อมอยู่รอดได้เสมอ และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราจะยึดมั่นในหลักการ “สินค้าคุณภาพดี, ราคาย่อมเยา”

ยุน จองกู: ท้ายที่สุดแล้ว ความสําเร็จได้รับการกําหนดในระดับโลก ดังนั้น วิธีการเจาะตลาดเชิงรุกจึงเป็นสิ่งจําเป็น นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องสําคัญที่จะต้องส่งเสริมการตลาดโดยการรวมองค์ประกอบต่าง ๆ กระแสความนิยมเกาหลี (Korean Wave) หรือที่เรียกกันว่า ฮันรยู เข้าไว้ในผลิตภัณฑ์ของอะโทมี่ด้วย จากมุมมองด้านการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ เน็ตเวิร์คมาร์เก็ตติ้งของอะโทมี่ช่วยรับรองถึงการร่วมมือ และความยืนยาวโดยการเชื่อมต่อกันอย่างสม่ำเสมอ การสร้างสะพานเชื่อม และการถ่ายทอดวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันเพื่อมุ่งสู่อนาคต ประธานปาร์คยังคงพบปะกับบรรดาพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำเสนอสิ่งเหล่านั้นภายใต้การควบคุม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่าย

ผู้ดำเนินรายการ: อะไรที่ทําให้ความฝันของอะโทมี่กลายเป็นจริงสําหรับคุณ

ปาร์ค ฮันกิล : ในฐานะผู้บริหาร หน้าที่ของผมคือ การสร้างความมั่นใจว่า ผลกำไรที่สร้างขึ้นนั้นจะได้รับการกระจายอย่างเหมาะสม ปรัชญาในการก่อตั้งอะโทมี่ก็คือ การอยู่รอด ความเร็ว และความสมดุล ประการแรกก็คือ ถ้าเราล้มจะสร้างความเสียหายแก่ทุกคนโดยรอบ บริษัทต้องไม่ล้ม จากนั้น เราควรก้าวไปอย่างรวดเร็ว แต่ต้องไปด้วยกัน ความสมดุลคือสิ่งสำคัญของแนวคิดเรื่องความยั่งยืน โดยเป็นการแบ่งปันคุณค่าที่เพิ่มขึ้นในแนวนอน และแนวตั้งให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นี่คือสิ่งที่สร้างพลังในการควบคุม เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องแบ่งปันให้กับผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้จําหน่าย พนักงาน และแม้แต่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม โดยแบ่งปันอย่างสมดุล อะโทมี่ก่อตั้งขึ้นโดยคํานึงถึงแนวคิดนี้เป็นหลัก และยังคงเป็นเช่นนี้มาจนถึงทุกวันนี้



TOP

อะโทมี่ ฮับ

ออฟฟิศของฉันในแต่ละภูมิภาค
ถ้าคุณเลือกภูมิภาคที่ต้องการ หน้านี้จะไปที่ออฟฟิศของฉัน

กรุณาเลือกวิธีในการสมัคร

    • เกาหลี

    • ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนเกาหลี ชที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในเกาหลี, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในต่างประเทศ (อินเดีย, ฮ่องกง)
    • สหรัฐอเมริกา

    • ผู้ที่ถือบัตร SSN (Social Security Number) ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • ญี่ปุ่น

    • ชาวญี่ปุ่นที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในญ๊่ปุ่น
    • แคนาดา

    • ผู้เป็นพลเมืองแคนาดาอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักถาวรในแคนาดา
    • ไต้หวัน

    • ชาวไต้หวันที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในไต้หวัน
    • สิงคโปร์

    • ชาวสิงค์โปรที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักถาวรในสิงค์โปร
    • กัมพูชา

    • ชาวกัมพูชาที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในกัมพูชา, นิติบุคคล
    • ฟิลิปปินส์

    • ชาวฟิลิปปินส์ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักถาวรในฟิลิปปินส์, ผู้ถือวีซ่าเกษียณอายุพำนักถาวรพิเศษ (SRRV)
    • มาเลเซีย

    • ชาวมาเลเซียที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ผู้พำนักอาศัยถาวร
    • เม็กซิโก

    • ผู้ถือ CURP ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในต่างประเทศ (โคลอมเบีย, บราซิล, อาร์เจนติน่า, เปรู, กัวเตมาลา, ชิลี, โบลิเวีย)
    • ไทย

    • ชาวไทยที่มีอายุมากกว่า 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • ออสเตรเลีย

    • ผู้ถือสัญชาติออสเตรเลียและผู้พำนักอาศัยระยะยาว, ผู้ถือวีซ่าอนุญาตทำงาน Work Permit Visa (รวมถึงวีซ่า Working Holiday )
    • อินโดนีเซีย

    • ผู้ถือสัญชาติอินโดนีเซียที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • รัสเซีย

    • ชาวรัสเซีย (ผู้พำนักอาศัย) ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในต่างประเทศ (ยูเครน, เบลารุส)
    • ประเทศจีน

    • สมาชิกผู้บริโภค : อายุ 22 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
      สมาชิกนักธุรกิจ : บริษัทจำกัด, ห้างหุ้นส่วน, ธุรกิจเจ้าของคนเดียวหรือธุรกิจส่วนตัวที่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายในประเทศจีน
    • โคลอมเบีย

    • พลเมืองโคลอมเบียอายุ 18 ปีขึ้นไปผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในโคลอมเบีย
    • ฮ่องกง

    • ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนฮ่องกงอายุ 20 ปีขึ้นไป
    • อินเดีย

    • ผู้ที่มีสัญชาติอินเดีย, ผู้ถือบัตร PAN, อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป, รัฐมหาราษฏระ : อายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • นิวซีแลนด์

    • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้พำนักอาศัยในนิวซีแลนด์
    • ตุรกี

    • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนตุรกี, ผู้พำนักอาศัยระยะยาวใน
    • อังกฤษ

    • อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ผู้พำนักอาศัยในอังกฤษ
    • คาซัคสถาน

    • ชาวคาซัคสถานที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • คีร์กีซสถาน

    • ชาวคีร์กีซสถานที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    • บราซิล

    • ผู้ถือ CPF ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีหรือผู้ประกอบการบริษัท
    • มองโกเลีย

    • ชาวมองโกเลียที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือ ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในมองโกเลีย
    • อุซเบกิสถาน

    • ชาวอุซเบกิสถานที่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป,
      ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่า B2, E วีซ่า, INV วีซ่า, หรือผู้มีสิทธิพำนักระยะยาวในอุซเบกิสถาน,
      นักธุรกิจบุคคลธรรมดาประเภทผลิตและติดตั้ง/โพสต์สื่อโฆษณา (Reklama ishlab chiqarish va joylashtirish)
    • ยุโรป

    • อายุ 18 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในสหภาพยุโรปหรือ EFTA
    • สมาชิกทั่วโลก

    • อาร์เจนตินา, อาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจาน, บังกลาเทศ, โบลิเวีย, ชิลี, คอสตาริกา, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เอกวาดอร์, เอลซัลวาดอร์, จอร์เจีย, กัวเตมาลา, มอลโดวา, เนปาล, ปานามา, ปารากวัย, เปรู, แอฟริกาใต้, ทาจิกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน, ยูเครน, เฮติ, ไนจีเรีย, นามิเบีย, บอตสวานา, บรูไน, ศรีลังกา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อิสราเอล, กานา, แกมเบีย, เลโซโท, มอริเชียส, เซเนกัล, เคนยา, แองโกลา, ตูนิเซีย, โมร็อกโก, อียิปต์, เซอร์เบีย, แอลเบเนีย
ไปยังเว็บไซต์

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยังช้อปปิ้งมอลล์

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยังแชนเนล อะโทมี่

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยังอะโทมี่ทิคเก็ต

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยัง YouTube

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยัง Facebook

เลือกภูมิภาคที่ด้านล่างและระบบจะนำคุณไปยัง Instagram

CLOSE